วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ยาเสพติด ภัยที่ใกล้ตัว น่่ากลัวที่สุด

        สิ่งที่ทำให้ประเทศล้าหลังและไม่พัฒนา ปัญหาด้านอาชญากรรม การทะเลาะวิวาท ปัญหาเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เกิดจากยาเสพติด แทบจะทั้งสิ้น ประเทศไทยก็ตกอยู่ในหนึ่งประเทศที่ได้ขึ้นชื่อเรื่องของยาเสพติด ถึงขนาดที่กล่าวว่า กัญชา ที่มีรสชาด ดีที่สุด อยู่ที่จังหวัดนครพนม และทางเหนือของประเทศ เฮโรอิน ที่ดีก็มีทางนี้ เพราะติดชายแดน ยาเสพติดนั้น 
ที่ระบาดมากในประเทศไทย เป็น ยาบ้า ยาไอซ์  ซึ่งมีระบาดไปทั่วประเทศ เพราะอาจจะเกิดจากการที่พวกนักค้ายานั้น ก็รู้อยู่ว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะแถบแนวตะเข็บชายแดน ด้วยเพราะเหตุทางภูมิศาสตร์ ที่ติดกันเป็นแนวยาวหลายร้อยกิโลเมตร ทำให้ยากต่อการสกัดกั้น และด้วยผลประโยชน์การตอบแทนที่สูง ทำให้เป็นสิ่งที่ล่อตา ล่อใจ ให้หลายคนนั้น ไม่กลัวเรื่องผิด ถูกต่างเข้าไปต้องการเงิน ที่มาโดยไม่ได้คิดว่าจะเกิดผลร้ายอย่างมหาศาล ต่อประเทศชาติ บ้านเมือง เมื่อประเทศเพื่อนบ้านนั้น ก็ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง อย่าง ว้าแดง ที่เรานั้นรู้จักกันดี เบื้องหน้านั้น ไม่ได้ออกข่าวว่าผลิตยาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น มาดูว่าทำไม เพราะครั้งก่อนที่มีการล่าอาณานิคม ของประเทศฝรั่งเศสนั้น ได้เข้ามาปกครองแล้วก็ได้ร่างสัญญา ว่าใช้ชนกลุ่มน้อยที่มีอยู่หลายกลุ่มของพม่านั้น เป็นรัฐๆ นึง ที่สามารถปกครองตัวเอง และก็เป็นเหมือนประเทศหนึ่ง แต่เมื่อฝรั่งเศสได้ยกทัพกลับไปแล้ว สัญญาก็ถือเอาเล่มนั้น โดยที่ปัจจุบันก็ยังไม่มีข้อยุติ ผู้นำว้าแดงนั้น ตั้งแต่นั้นมาก็เลยไม่อยากที่จะเป็นเมืองขึ้นของพม่าอีกต่อไป แล้วก็เลยทำการต่อต้าน แต่เนื่องด้วยภูมิประเทศนั้น ก็ติดกับประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล และมีเนือ้ที่อยู่น้อย ประชากรนั้น ก็มีอยู่น้อย การสู้รบกับรัฐบาลพม่านั้น ก็ทำได้ยากเพราะ กำลังคนก็น้อยกว่า อาวุธก็ไม่พร้อม ( แต่ที่พม่าไม่เข้าไปยึดอย่างเปิเผยนั้น ก็เพราะติดที่สัญญาของฝรั่งเศส )  แต่ก็โโนพม่าเข้าไปโจมตีอยู่บ่อยครั้ง ทางออกที่ต้องสู้นั่นก็คือการหาอาวุธที่ดี และทันสมัย แต่ด้วยพื้นที่มีน้อย ทรัพยากรก็มีอยู่อย่างน้อยนิดนั้น ก็ทำให้หาทางออกโดยการ ผลิตยาเสพติด ซึ่งก็ทำออกมาแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น เฮโรอิน ยาบ้า ยาไอซ์ ฯลฯ การผลิตมานั้น เพียงเพื่อจำหน่ายเพียงอย่างเดียว ห้ามคนของตัวเองเสพ ( ถ้าจับได้ว่าเสพ ยิงทิ้งทันที ) ก็เพื่อต้องการที่จะซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ เข้ามาเสริมเป็นเขี้ยวเล็บ ไว้ต่อสู้กับทหารพม่า โดยส่วนมากก็จะผลิตยาบ้า และเฮโรอิน ส่งเข้ามาขายให้ประเทศไทย โดยพ่อค้านั้น ก็มีทั้งหลายประเทศที่ติดต่อเข้ามาซื้อ หลายครั้งก็เพื่อแลกกับอาวุธ โดยส่วนมากก็จะเป็นการขนส่งโดยเครื่องบินส่วนตัวกันเลยทีเดียว การลำเลียงขนส่งนั้น ก็จะเข้ามาทุกรูปแบบ โดยที่มีการคิดค้นหลายครั้งที่เข้ามาแบบที่ไม่คาดคิด โดยการกลืนเข้าท้อง ยัดเข้าทวารหนัก โดยจะใส่เข้าไปในถูงยางอนามัย ในขวดน้ำ ในผักผลไม้ ยางรถยนต์ สารพัดที่จะทำ เพื่อที่จะให้พ้นสายตาของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ยากต่อการตรวจสอบจับกุม ถระนั้นหลายครั้งที่มีเจ้าหน้าที่
ของรัฐ เข้ามามีส่วนร่วม และได้รับผลประโยชน์ ที่มหาศาลเลยทีเดียว ซึ่งคร้งหนึ่งนั้น ได้มีการจับกุม นาย เหว่ย เซี้ยะ กัง ผู้นำว้าแดงได้ที่กรุงเทพ หลังจากที่นาย เหว่ยเซี้ยะ กัง ได้เดินทางกลับมาจากสิงคโปร์ โดยที่จับได้นั้น ได้ใช้หนังสือเดินทาง passport ถึง 7 เล่ม แต่ครั้งนั้น ผู้ต้องหาบอกว่าป่วยต้องรักษาตัว และไ้หายออกไปจากโรงพยาบาล ซึ่งไม่กี่เดือน่อมาก็ไปโผล่ในพม่า คือเผ่า ว้าแดง ซึ่งภายหลังก็ระบุว่าหนีออกมาได้  ซึ่งการที่เดินทางไปที่ประเทศสิงคโปร์ เพราะเหตุใดไม่มีใครทราบได้ มีหลายครั้งที่รัฐบาลพม่าต้องการที่จะเจรจาการหยุดยิง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะก่อนหน้านั้น พม่าก็ได้ส่งกำลังเข้าไปโจมตีอย่างหนักทำให้ ชาวบ้านล้มตายไปเป็ฯจำนวนมาก เมื่อมีการสูญเสยการต่อต้านก็ต้องดำเนินการต่อไป
                                                                               

                  ยาเสพติดที่ผลิตและส่งเข้ามา เพราะไทยนั้นถือว่าเป็นทางผ่านสำหรับขบวนการยาเสพติด โดยจะให้ขบวนขนเข้ามาหลายเส้นทางหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นทางรำ ทางเดินเท้า โดยมีค่าตอบแทนที่สูง ซึ่งแท้ที่จริงแล้วนั้น ค่าผลิตนั้นต่ำมาก การปลูกฝิ่น เพื่อทำเป็นเฮโรอินนั้น ก็มีมานานในหมู่บ้านชาวเขาของไทยสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็น แม้ว ลีซอบ้าง แต่ปัจจุบันก็ยังมีการแอบปลูกแต่น้อยมากด้วยอาจจะเป็นประเพณีด้วยก็ว่าได้ เพราะแม้ว นั้น สามารถที่จะมีภรรยาได้มากถึง 8 ตน  และภรรยานั้นก็มีหน้าที่ดูแลสามี โดยที่สามีนั้นไม่ต้องทำอะไรก็ได้ แต่ทางการแพทย์ก็นำมาผลิตเป็นยาชา ยากล่อมประสาท ยานอนหลับ เพื่อใช้ในการรักษาด้วยเช่นกัน แต่อาจจะไม่มาก การลำเลียงของว้าแดงนั้น ไม่มีทางใดที่ออกได้ นอกจากไทย จึงมีการขนส่งออกมาอย่างมากมาย และด้วยที่เจ้าหน้าที่ไทยนั้น ก็มีจะนวนจำกัด ทำให้ยาเสพติด ทะลักเข้ามาในประเทศไทยเป็นอันมาก ซึ่งก็มีการกระจายเส้นทางไปทางประเทศลาวด้วย และก็มีพ่อค้าลาวที่ผลิตส่งออกมายังประเทศไทยด้วย ด้วยเหตุที่ว่า กฎหมายของประเทศลาวนั้น ไม่หนักหน่ามากมาย จับไได้ก็คงเพียงการจำคุก 3 เดือน แล้วก็ตักเตือน ปล่อยตัว ทำให้คนนั้นไม่เกรงกลัว ซึ่งบางครั้งก็ยังระบุว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของลาว เข้าร่วมด้วย ซึ่งก็คงจะทำให้ยากต่อการ จับกุม เส้นทางยาเสพติดนั้น ก็เปลี่ยนไปเรื่อย โดยมีการแฝงเข้ามาทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นชาวบ้าน หาของป่า พรานเดินป่าเพราะว่า ชำนาญเส้นทาง เป็นคนหาปลา ทางแม่น้ำโขง โดยส่วนมากก็จะเป็นชาวบ้านที่ชำนาญเส้นทางนั่นเอง หลายครั้งที่ทำให้คนนั้นเกิดหลงผิดก็มีมาก อย่างเมื่อไม่นานมานี้ มีพ่อค้าที่ครั้งหนึ่งมีเงินทองมากมาย แต่ด้วยที่เศรษฐกิจไม่ดี ทำให้ผันตัวเองไปค้ายาเสพติด ในประเทศเพื่อนบ้าน ครั้นเมื่อเจ้าหน้าที่จับได้นั้น เขาโดนไถ หรือเรียกว่า ติดสินบน เจ้าหน้าที่รัฐ จนแทบจะหมดตัว ไม่เหลืออะไรเลย ซึ่งเมื่อขี่หลังเสือนั้น ก็ลงได้แต่ก็ต้องหมดตัว เพราะว่ามีตราบาป ติดตัวไปตลอดนั่นเอง การเสพยานั้น ระบาดไปทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง และอีกหลายระดับ ที่เรียกตัวเองว่ามีเงิน โดยที่เรานั้นก็มักจะได้ยินข่าวออกบ่อย ด้วยเหตุเพียงเพราะ 1 อยากลอง 2 ลองแล้วเกิดติด ไม่ยอมทำอะไรเลย  การค้าก็เริ่มเกิดขึ้นมานั่นเอง เสมือนหนหึ่งว่าผู้เสพ ส่วนมากนั้น มีความอ่อนแอ ทางด้านจิตใจ ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นผู้ป่วย  เมื่อครั้งหนึ่งได้มีโอกาส ได้คุยกับคนที่มีเงินในปัจจุบัน อายุมากแล้ว เป็นคนลาว ได้เล่าว่า เมื่อสมัยก่อนนั้น แกเป็นครู แต่ด้วยที่เงินเดือนน้อย ทำให้แกนั้น หันไปค้าฝิ่น โดยเมื่อประมาน 60 ปีที่แล้วนั้น แกก็ค้าฝิ่นโดยส่งเข้ามาประเทศไทยทางเรือ โดดยจะเป็นคนหาปลา ค้ามาหลายปี   จนมีเงินมากมาย แล้วก็มาโดนจับได้ จับติดคุก 3 เดือน แล้วก็โดนปลดจากการเป็น พ่อครู บอกว่าเมื่อออกมาแล้วก็เลยมาค้าขาย ก็สบายแล้วเพราะว่ามีเงินมากพอ แต่ว่าเสียชื่อ เสียเกียรติ์ ต้องย้ายจากที่อยู่ตั้งแต่ พ่อแม่ทำไว้ มาอยู่ต่างที่ต่างเมือง แกเล่าอีกว่า
พวกแม้ว จะมีฝิ่น เป็นเรื่องปรกติ เพราะเขาปลูก แต่ก็ทำเป็นยา บ้างขายบ้าง ซึ่งมาตอนหลัง ก็มียาบ้า ยาไอซ์ เข้ามาโดยสารตั้งต้นนั้น ก็มีโพลิดอน ซึ่งเป็นสารอันตราย ทำลายระบบภายในของร่างกาย และระบบประสาท ซึ่งผู้ที่เสพติด ก็มักจะมีอาการประสาทหลอน ทำให้เลอะเลือน การเคลื่อนไหวร่างกายทำได้ช้า ร่างกายซูบผอม แต่ก็แปลกที่เมื่อเป็นกัญชา กลับทำให้อาหารมีรสชาด ซึ่งในประเทศลาวนั้น ถถ้ารู้จักคุ้นเคยกันแล้ว กัญชาขอกันได้เลย ถ้ามี เพเราะเขานั้นไม่ได้ที่จะเสพ แต่จะเน้นไปทางขายมากกว่า ยาเสพติดที่ใช้กันมากมายนั้นก็จะมี เฮโรอิน มอร์ฟีน ซึ่งสกัดจากผิ่น ยาบ้า ที่เมื่อก่อนนั้น เรียกว่ายาม้า ซึ่งมีขายกัน ใช้กินที่เรียกว่า ยาขยีน แต่ปัจจุบัน มีการเปลี่ยนชื่อเพราะว่า มีผลกดประสาท ปละทำให้เกิดประสาทหลอน  แต่ด้วยปัจจุบันนั้น ได้มกลุ่มคน ที่เรียกว่าเสพติดยาแก้ไอ ที่เรียกว่า 4*100 มีผลทำให้เมา โดยจะใช้กับใบกระท่อม ซึ่งใบกระท่อมนั้น คนไทยเราก็ถือว่าเป็นยา สรรพคุณ ก็แก้ปวดเมื่อย เพราะกดประสาทนั่นเอง และจะใช้เป็นยาขยัน เพราะเมื่อเวลาที่กินเข้าไปแล้วนั้น ก็จะทำให้ขยัน ไม่กลัวแดด ชอบทำงานกลางแดด แต่ผู้ที่กินนานๆ ส่วนมากก็จะฟันผุ เเพราะว่าเวลาที่เคี้ยว จะทำให้เข็ดฟัน และชอบกัดฟันแรงๆ ใบกระท่อมนั้น เป็นพืชที่ปลูกขึ้นง่าย และตอนนี้ก็เป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าเป็นการผิดกฎหมายในประเทศไทย บางประเทศนั้นก็สามารถให้ผู้เสพนั้น เสพยาได้แต่ต้องได้รับการอณุญาต จากแพทย์ก่อน และประเทศมาเลเซียนั้น ให้กระท่อเป็นยา สามารถปลูกได้ แต่ประเทศไทยนั้น คนส่วนมากใช้ผิดวิธี คือเสพจนติด ผสมอย่างอื่นเข้าไป ทำให้คึกและเมา 
                                                                                

                  การขนส่งและการลำเลียงยานั้น ทำกันทุกวิถีทาง เพราะทางผู้ผลิต ที่ส่วนมากมาจากรัฐฉาน เป็นส่วนที่ไม่ได้เปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่เบื้องลึกแล้วก็เป็นที่รู้กัน เพราะต้องการที่จะเป็นอิสระจากรัฐบาลพม่า และเป็นเขตปกครองตนเอง เหมือนกับกับประเทศหนึ่งที่มีสัญญาของประเทศฝรั่งเศส เมื่อสมัยก่อนนั้น เป็นตัวอ้างอิง เพราะด้วนการที่มีผลประโยชน์ ที่มากมายมหาศาล ทำให้ผู้ที่หลงผิด ยอมที่จะเข้าไปเป็นทาสของยาเสพติด ไม่ว่าจะการลำเลียงใส่รถที่มีเครื่องเย็น สำหรับใส่ฝัก รถบรรทุกผู้ป่วย รถโดยสาร และยังมีอีกมากมายหลายการกระทำ โดยส่วนมากก็จะลำเลียงโดยการเดินเท้า ผ่านเข้ามายังภาคเหนือ ซึง่ทางประเทศไทยนั้น ก็ทำการตรวจ สกัดจับอย่างหนัก ทำให้ตอนนี้ จะเข้ามาทางฝั่งประเทศลาว และข้ามมายังรอยต่อชายแดน ซึ่งก็ยากแก่การจับกุม เพราะประเทศมีเนื้อที่ติดกันเป็นทางยาว การแก้ไขนั้น ก็ต้องปลูกฝัง ให้คนไทย เด็กไทยนั้น มีจิตสำนึกในการเห็ฯโทษภัย ของยาเสพติด ซึ่งอย่างง่ายก็คือ ไม่มีประโยชน์ มีแต่โทษอย่างหมาศาล ทำลายชีวิต และสร้างความเดือดร้อนอย่างมหาศาล และต้องมีบทลงโทษที่เด็ดขาด รุนแรง และการสร้างเกราะให้คนเข้าใจในโทษ ที่มีมากมาย ทำให้เกิดแต่ผลเสีย ไม่ว่าจะเป็นคดีอาชญากรรม และอุบัติเหตุ และโจรผู้ร้าย ที่มีอยู่มากมาย ทำความเข้าใจ ปลูกฝังให้คนเรานั้น รู้โทษ และเกลียด และไม่ยุ่งกับ สิ่งมอมเมา ยั่วยุเรา ประเทศจะก้าวเดินไม่ได้ ถ้าเมืองนั้น เต็มไปด้วยยาเสพติด อีกหนึ่งแรงความหวังดี อาหารเสริมลดน้ำหนัก อยากให้โลกสวย เต็มไปด้วยสีขาว และการศึกษา ก็เป็นอีกทางที่สำคัญ ทำให้คนเรารู้และมีความคิดที่สูงขึ้น     

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

สิ้นแล้ว เทพเจ้าเมืองย่าโม หลวงพ่อคูณ

                        เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เป็นวันที่คนไทย และชาวต่างชาติ ที่เคารพนับถือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ละสังขารอย่างสงบ ตอนนี้ เป็ช่วงที่คนไทยส่วนใหญ่รู้สึกถึงการสูญเสีย พระผู้ที่เคารพเลื่อมใส และเป็นที่พึ่งทางจิตใจของคนไทย แทบทั้งประเทศ เมื่อวันวานมีการประกาศว่า หลวงพ่อคูณ แห่งวัดบ้านไร่ ได้ถึงแก่มรณะภาพ อย่างสงบ ที่วัดบ้านไร่
ด้วยแรงแห่งศรัทธาที่ไม่มีเส้นกั้น ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ ที่มีความนับถือและเคารพหลงพ่อคูณเป็นอย่างมาก ต่างรู้สึกหลายท่านที่รู้ข่าว ถึงกับน้ำตาไหล ว่าไปแล้วนั้น เชื่อได้เลยว่าคนไทยแทบจะทุกบ้านที่มีวัตถุมงคลหลวงพ่อคูณ ไว้ที่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ หรือพระเครื่อง แม้ว่าจะไม่รู้ว่าแท้ เก๊ ก็ตามที ท่านได้ละสังขาร เมื่อเวลา 11:45 น. อย่างสงบ เมื่อกล่าวถึงปลวงพ่อคูณ
เหมือนหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่คนไทยและชาวต่างประเทศ ให้ความเคารพเลื่อมใสนับถือ กันเป็นอย่างมาก เรื่องที่ทำให้หลวงพ่อคูณนั้น นั่นท่านเป็นที่รู้จักกันดี ก็เมื่อครั้งหลายสิบที่แล้ว ที่มีโรงงานตุ๊กตา เกิดไฟไหม้ และมีผู้หญิง 2 คย ที่นับถือหลวงพ่อคูณ ได้กระโดดลงมาจากตึก ชั้น 3 โดยที่ปากนั้นร้องตะโกนว่า หลวงพ่อคูณ ช่วยด้วย ซึ่งครั้งนั้น ก็เป็นเรื่องที่เกิดจึ้นอย่างเหลือเชื่อ
เมื่อผู้หญิง 2 คนนั้น เมื่อลงมาถึงพื้น กลับได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แล้วก็ห่างกันไม่นาน เมื่อมีตึกถล่ม ที่โคราช และมีผู้ที่ติดอยู่ใต้ ซากตึก รอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์  และก็มีพระเครื่องของหลวงพ่อคูณห้อยติดตัวอยู่ นั่นเอง หลังจากนั้น ผู้คนนั้น ต่างก็ถามหากันว่า หลวงพ่อคูณ เป็นใครอยู่ที่ไหน จนท่านนั้นก็เป็นที่รู้จักกันมากในปัจจุบัน หลวงพ่อคูณท่านมีวัตรปฏิบัติที่งดงามน่ายกย่อง
นับถือเป็นอย่างมาก ด้วยคำพูดที่ใช้คำโบราณ กู มึง และท่านั่งยองๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ ที่มีความหมายว่า เวลาท่านจะลุกไปทำอะไรต่อนั้น คล่องตัวดี
                                                                             
                       ประวัติหลวงพ่อคูณ ปริสทโธ ( พระเทพ วิทยาคม ) นั้น ท่านเป็นคนโคราช โดยกำเนิด  ท่านเกิดเมื่อ วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๔๖ ( ตรงกับปีที่หลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า มรณะภาพ ) หลวงพ่อคูณท่านเกิด ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ที่บ้านไร่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เป็นครอบครัวชาวไร่ที่ห่างไกลความเจริญ ท่่านมีพี่น้อง 3 คน ท่านเป็นคนโต ๑ หลวงพ่อคูณ ๒ นางคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ ๓ นางทองหล่อ จันทร์เพ็ญ บิดาท่านชื่อ บุญ มารดาชื่อ ทองขาว ซึ่งมีเรื่องที่เล่าต่อกันมาว่า ตอนที่มารดาท่านก่อนตั้งครรภ์ นั้น กลวงดึกเวลาประมาณ ตี3 ได้ฝันเห็นทพ องค์หนึ่ง มีกายเรืองแสงงดงาม ลอยลงมาจากสวรรค์ มาที่บ้านและกล่าวว่า " เจ้าและสามีเป็นผ้มีบุญเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ประกอบการงานอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งยังได้สร้างคุณงามความดีมาตลอดหลายชาติ เราขออวยพรให้เจ้า และครอบครัวมีแต่ความสุขสวัสดิ์ ตลลอดไป " และเทพองค์นั้นก็ยังได้มอบดวงแก้วใสสะอากสุกสว่างให้ด้วย " ดวงมณีนี้ เจ้าจงรับไป และรักษาให้ดีต่อไปภายภาคหน้า จะได้เป็นพระพุทธสาวก หน่อเนื้อพระชินวร เพื่อสืบพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญ ที่พึ่งของสัตว์โลกทังปวง "แต่บิดามารดา หลวงพ่อคูร ได้เสียชีวิตตั้งแต่ท่านยังเด็ก หลวงพ่อคูณและน้องๆ จึงได้อยู่ในความอุปการะของน้าสาว และเมื่อหลวงพ่อคูร อายุได้ ๖-๗ ขวบ ก็ได้เข้าเรียนหนังสือกับพระอาจารย์เชื่อม วิรโธ , พระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หลี ทั้งภาษาขอม และไทย ทั้งพระอาจารย์ทั้งสามยังเมตตา อบรมสัง่สอนวิชาคาถาอาคม และหลวงพ่อคูณก็ได้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์ มาตั้งแต่เด็ก และเมื่อครั้งท่านอายุ ได้ ๒๑ ปีท่านก็ได้ อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดถนนหักใหญ่ ตำบลกุดพิมาน อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา วันศุกร์ ๕ พฤษภาคม ๒๔๗๘ ปีวอก พระอุปัชฌาย์ ตั้งฉายาให้ว่า ปริสุทโธ และท่านก็ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ตำบลสำนักตะกร้อ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา หลวงพ่อแดงท่านเป็ฯนักปฎิบัติทางด้านคันธุระ และวิปัสสนาธุระที่เคร่งครัด และเป็นผู้ที่เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง เมื่อหลวงพ่อคูณได้เรียนวิชากับหลวงพ่อแดงมานานพอสมควรหลวงพ่อแดงท่านจึงได้นำหลวงพ่อคูณ มาฝากไว้กับหลวงพ่อคง พุทธสโร วึ่งทั้งสองท่านเป็นพระสหายธรรมกัน ต่างก็ให้ความเคารพกัน แลกเปลี่ยนธรรมะและวิชาอาคมแก่กันเสมอ และเมื่อเวลาล่วงเลยมาพอสมควร เห็นว่าหลวงพ่อคูณ มีความรอบรู้ด้านปฏิบัติธรรมดีแล้ว จึงแนะนำให้ออกธุดงค์ ไปตามป่าเขา เพื่อปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป แรกๆท่านก็ธุดงค์ จาริกอยู่ในเขต จังหวัดนครราชสีมา และต่อมาก็ได้ไปถึง ประเทศลาว และกัมพูชา มุ่งเข้าป่าลึก เพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา หลุดพ้นจากกิเลส ตัณหาและอุปทา ทั้งปวง หลังจากที่ท่านเห็นว่าพอสมควรแล้วท่นก็จึงได้เดินทางกลับสู่ประเทศไทย เดินข้ามเขตแดนทาง
จังหวัดสุรินทร์ และได้เริ่มสร้างพระอุโบสถ พ.ศ. ๒๔๙๖ และกุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ และสระน้ำ เพื่อไว้ใช้อุปโภคและบริโภค สร้างโรงเรียนวัดบ้านไร่ เพื่อการศึกษาของเยาวชนละแวกนั้นอีกด้วย และเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคมพ.ศ. ๒๕๕๘ พนักงานพยาบาลที่ดูแลหลวงพ่อคูณ พบว่าหลวงพ่อคูณ มีอาการหมดสติไม่รู้สึกตัว จึงได้แจ้งให้โรงพยายาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาาลด่านขุนทดวินิจฉัย โรคโดยด่วน ซึ่งทางคณะแพทย์ได้ลงความเห็นว่าหลวงพ่อคูณหยุดหายใจ และหัวใจหยุดเต้น จึงได้ทำการปฏิบัติการช่วยฟื้นคืนชีพชั้นสูง เป็นเวลา 1 ชั่วโมง อาการจึงทรงตัว แล้วใส่เครื่องช่วยหายใจ ทั้งกระตุ้นหัวใจ หลังจากนั้น8.30 น. จีงส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชราชสีมา พบว่ามีลมรั่วเข้าในปอด ฝั่งซ้าย มีเสหะอุดตันางเดินหายใจ จึงได้ให้หลวงพ่อคูณรักษาตัวที่หอผู้ป่วยวิกฤต ( ไอซียู ) เพราะว่าสัญญาณชีพหลวงพ่อคูณยังไม่คงที่ จนเมื่อเวลา 11.45 น. ทางตณะแพทย์ได้ออกมาปรพกาศว่า พระเทพ วิทยา มรีอาการทรุดลง จนกระทั่งมาณภาพลงขณะทำการรักษา ถายในห้องอายุกรรมผู้ป่วยหนัก สิริอายุ 91 ปี พรรษาที่ 71 ซึ่งก็ทำให้บรรดานักเสี่ยงโชคที่ได้รู้ข่าวต่าง็ซื้อลอคเคอรี่ แบบหมดแผงภายในเวลาอย่างรวดเร็ว  ซึ่งใน แถลงกล่าวโดยตณะแพทย์ผู้รักษา เมื่อเวลา 12.15 น. น.พ. วินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์อายุรกรรมหัวใจชำนาญหาร ผู้รักษาประจำหลวงพ่อคูณ สาเหตุการมรณะภาพเนื่องจาก หัวใจหยุดลง เพราะมีลมเข้าไปในปอด หรือที่เรียกว่า ปอดแตก เป็นเหตุให้หัวใจหยุดเต้น เนื่องจากพณะแพทย์ ต้องช่วยในการปั๊มหัวใจเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ทังที่หากสมองขาดออกซิเจนเพียง 4 นาทีก็เข้าสู่ภาวะ วิกฤตแล้ว
หลังจากที่นำหลวงพ่อคูณมายังโรงพยาบาล ก็ช่วยเต็มที่ และด้วยที่หลวงพ่ออยู่ในภาวะที่ไม่รับรู้ใดๆ นับแต่หมดสติที่วัดบ้านไร่ เมื่อการหายใจหยุดลงและหัวใจหยุดเต้นเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้อวัยวะส่วนอื่น วิกฤต ตามไปด้วย คือการเข้าสู้สภาวะสมองตาย หลวงพ่อจึงถึงแก่มรณภาพดังกล่าว แล้วเวลาต่อมาก็มีการเปิดเผยพินัยกรรมที่หลวงปู่นั้นได้ ทำไว้เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2543 มีใจความสำคัญมอบสรีระสังขารให้แก่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ภายในเวลา 24 ชั่วโมง แล้วให้ทาง มข มอบให้แก่ ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัย เพื่อให้นำไปศึกษาค้นคว้า ตามวัตถุประสงค์ของภาควิชา ส่วนพิธีการทางศาสนาและพระอภิธรรม ให้ประกอบพิธีขึ้นที่คณะเป็นเวลา 7 วัน และเมื่อสิ้นสุดการค้นคว้าแล้ว ให้จัดงานอย่างเรียบง่าย ละเว้นพิธีสมโภชน์ใดๆ ทั้งห้ามพระราชทานเพลิงศพ โกศ และราชพิธีอื่นๆ เป็นการเฉพาะโดยให้ทำพิธีเช่นเดียวกับที่จัดให้กับอาจารย์ใหญ่ของนักศึกษาประจำปี ร่วมกับอาจารย์ท่านอื่น แล้วเผาที่ ฌาปนสถานวัดหนองแวง ( พระอารามหลวง ) อำเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ( หรือวัดแห่งอื่น ) เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วให้คณะแพทย์นำอัฐิ เถ้าถ่าน และเศษอังคารทั้งหมด ไปลอยที่แม่น้ำโขงจังหวัดหนองคาย ตามที่เห็นสมควรและเหมาะสม โดยมีสักขีพยานประกอบด้วย รองคณบดี ฝ่ายบริหาร คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ญาติ ไวยาวัจกรวัดบ้านไร่ และนิติกรชำนาญการ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น ลงนามเป็นหลักฐาน  มีการเคลื่อนสังขารหลวงพ่อคูณ ศูนย์ประชุมเอนกประสงค์กาญจนาภิเษก ภายในมหาวิทยาลัยขอนแก่นนั้นเอง  ทั้งนี้ทางด้านมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ทำโลงบรรจุสังขารหลวงพ่อคูร แบบพิเศษ เป็นสแตนเลส ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถและพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พวงมาลา 12 พวง โดยมอบหมายให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งทั่้งนี้ มีประชาชนได้หลั่งไหลไปที่ มข ถึงวันละ 3 หมื่นคน เพื่อที่จะได้เคารพสรีระสังขารหลวงงพ่อ นั่นเอง
                                                                             
       ถึงแม้หลวงพ่อคูณ ท่านจะละสังขารไปแล้ว ท่านก็ได้ฝากคำสั่งสอนดีๆเอาไว้ ซึ่งเป็นคำสอนที่เข้าใจง่ายอละใช้ได้จริง มีประโยชน์ เป็นอย่างมาก เป็นต้น ดังนี้  "กูให้มึง" [ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้ ๑ กูให้พวกมึงรู้จักพอเพียง ๒ กูทำดีเขาจึงให้ของดีกูมา ๓ กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ ๔กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจนเพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวยป่านนี้ คำว่า บุญก็ไม่รู้จักกัน
๕ เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน ๖ การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก...ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง ๖ กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน ๗ เกิดมาแล้ว...รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุก ๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น ๘ พระไม่ได้อยู่กับคนชั่ว แต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเราจะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมืองให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท"๙ คนเรา เมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น ผู้อื่นเขาก็จะ ให้ความเมตตาตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน ความเมตตานี่แหละ คืออาวุธ ที่จะปกป้องตัวเราเอง ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใคร ๆ จะนำเอาไปใช้ก็ได้ จัดว่าเป็นของดีนักแล  ๑0 คนค้าคนขายยาบ้าเอาไปขังคุกขื่อคา มันไม่จำ ยาบ้าเกิดที่ไหนดับที่นั่น ฆ่าคนขายยาบ้าบาปเท่ากับตบยุงตาย 1 ตัว มึงไม่ต้องไปกลัวมันหรอก อย่าให้มันอยู่รกแผ่นดิน ไม่ต้องให้มันไปติดคุก มันก็ไปนอนกินยาบ้าในคุกสบาย เดี๋ยวก็ออกทำเหมือนเดิม..." ด้วยตำสั่งสอนและการทำตนเองอยู่แบบสมถะ การไม่ยึดติดและยินดีในโลก รวแไปถึงการเป็นผู้ให้ จึงมีลูกศิษย์ ลูกหามากมาย และเป็ฯที่รักศรัทธาของคนไทยและชาวต่างประเทศมากมาย ไม่ว่าศิลปินดารา ระดับรัฐมนตรี อย่างท่าน สุวัจน์ ลิปตพัลลป  และน้า แอ๊ด คาราบาว หรือที่เราเรียกว่า ยืนยง โอภากุล นเดช และอีกมากมาย แต่เมื่อท่านได้ละสังขารแล้วนั้น วัตุมลคลของท่านนั้น ก็มีราคาขึ้นเป็นอย่างมากอาจจะเผป็นเพราะแรงศรัทธา และด้วยความเชื่อในพุทธคุณด้วยเช่นกัน แต่ถ้าเรานั้นมีใจที่ศรัทธา ไม่่ว่าราคานั้นจะถูกหรือแพง แต่เรานั้นมีใจที่ศรัทธาแล้ว เชื่อว่าพุทธคุณดีอย่างแน่นอน ที่นิยมมากของวงการก็จะมี สร้างปี 12 ซึ่งเป็นรุ่นแรก ปี 17 ปี 19 และปี 36 สำหรับท่านที่มีนั้น ก็ควรที่จะเก็บรักษาหรือจะปล่อยเช้าก็ควรดูราคาให้ดี เพราะว่าอาจแท้ เก๊ หรืออาจจะปล่อยเช่า ผิดราคาได้เช่นกัน อีกหนึ่งแรงศรัทธาและอาลัย อาหารเสริมลดน้ำหนัก หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เพราะพระผู้มีแต่ให้ เงินที่ท่านได้จากการถวายทำบุญ ท่านก็สร้างทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล สาธารณะประโยชน์ มากมาย ทุกวันนี้ รถทัวร์ ที่จะไปขอนแก่นนั้นเต็มแทบทุกวัน ไม่มีรถเพราะโดนจองล่วงหน้าหมด และมีคนไปเคารพศพท่านวันละถึง สามหมื่นกว่าคน นี่ตือแรงศรัทธา ที่คนเคารพจริงๆ