แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ขิง ชาเขียว ตังกุย รักษามะเร็ง แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ขิง ชาเขียว ตังกุย รักษามะเร็ง แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ทานอาหารให้เป็นยา ตอน สมุนไพรต้านมะเร็ง ระดับเซียน ขิงคือ พระเอก

     คนทั้วโลกเป็นกันมากแต่กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียเป็นส่วนมากแล้ว กับ มะเร็งลำไส้  อาหารเสริมลดน้ำหนัก ก็ได้เจอสิ่งมหัศจรรย์ยิ่ง กับอาหารที่ใกล้ตัว ทานอาหารเป็นยาก่อนที่จะเป็นกันไว้ก่อนไม่เสียหลาย นั่นก็คือคุณอันวิเศษของ ขิง ที่มีฤทธิ์สามารถต้านการก่อตัวของเนื้องอก ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งลำไส้ กับสมุนไพรจีนที่สามารถยับยั้งการก่อตัวและรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ปละมะเร็งปอด ที่เกิดจากการสูบบุหรี่อีกด้วย ซึ่งไม่ใช่ว่าเมื่อมีสมุนไพรดี แล้วเราจะสูบบุหรี่นะคะ เราต้องงดบุหรี่ด้วยอะคะ สมุนไพรจีน ที่มีชื่อว่า ตังกุย เป็นสมุนไพรมหัศจรย์  มีชื่ออังกฤษว่า Denki จีนกลางเรียกว่า เต็งกิ แต่วันนี้เราจะมาทำ ขิงกันก่อนเพราะว่า ไม่นานมานี้มีการวิจัยแล้ว พบว่าขิง มีคุณสมบัติ ที่สามารถในการป้องกันและลดการขยายตัวของเนื้องอกที่กำลังพัฒนาไปสู่การเป็นเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งทุกวันนี้เราก็หาได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นขิงผงสำเร็จชงดื่มได้ทันที ทันใดเหบียญ ซึ่งในการทดลองโดยแบ่งหนูเป็น 2 กลุ่ม โดยการฉีดสารมะเร็งเข้าไปในหนู กลุ่มแรกไม่ต้องให้สารใดๆ กลุ่มที่ 2 ให้สารสกัดจากขิง เมื่อเวลาผ่านไป 2 สัปดาห์ ก็พบว่า กลุ่มที่ไม่ได้ให้สารอะไรไป กลับมีเชื้อมะเร็ง ถึง14 ตัว ส่วนอีกกลุ่มที่ให้สารของขิงสกัด มีเพียงแค่ 3 ตัว แต่กลับมีเนืองอกที่เล็กกว่าอีกกลุ่มอย่างเห็นได้ชัดเหบียญ ซึ่งสารสกัดที่ได้จากขิง คือสาร จิงเจอรอล ซึ่งก็ยังมีการวิจัยต่อว่า จะต้องฉีดสารสกัด ปริมาณเท่าไหร่ จึงจะสามารถยับยั้งและรักษามะเร็งได้
                                                                       
             และทางด้านอีกกลุ่มของนักวิจัย ก็ได้นำเอาสมุนไพรจีนที่ชื่อว่า ปั้นจี้เหลียน กับหนูที่ถูกฉีกสารมะเร็งต่อมลูกหมากเข้าไป ซึ่งพบว่า สมุนไพรตัวดังกล่าวสามารถที่จะยับยั้ง และชะลอการเกิดเนื้องอกและเซลล์มะเร็งในหนูได้ และอีกด้านก็ยังมีการทดลอง ชาเขียว ที่สกัดจาก ชาเขียว ซึ่งก็จาการทดลองกับ คนที่สูบบุหรี่จัด 120 คน ในระยะเวลา 4.5 เดือน ก็พบว่า ตัวผู้สูบทั้งหมด ร่างกายมีการลดผลิตสาร 8 OhdG ซึ่งสารตัวนี้ร่างกายผลิตออกมาเพื่อต่อต้านเซลล์มะเร็ง ที่เข้ามาทำลายดีเอ็นเอ มาพูดถึง ขิง มีชื่อทางวิทยาศาตร์ ว่า Zingiber officmale Rose เป็นพืชล้มลุก ซึ่งก็มีพ้อค้าชาวจีน เข้ามากว้านซื้อและให้ปลูกกันมากที่จังหวัดทางภาคเหนือของไทย มีเหง้าใต้ดิน แตกเป็นแง่ง คล้ายนิ้มมือ ส่วนที่ใช้ทำยา คือเหง้า มีน้ำมันหอมระเหยในตัว 7.28 % ใช้เหง้า เป็นยาขับลม ขับน้ำดี ย่อยไขมัน มีรสเผ็ด สามารถทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวได้ดี และสามารถป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ด้วย ซึ่งก็สามารถน้ำเหง้า ทั้งสดและแห้ง มาดื่มได้ทุกวันดีนักแล มาลองทำ เบียร์ขิงมะนาว เป้นการทำดื่มของคนเมือง ไครสต์เชิร์ช ซึ่งก็เป็นเมืองหลวงของนิวซีแลนด์ ก็เตรียมการดังนี้ 1. น้ำอุ่น 2 ถ้วยโต๊ะ 2. น้ำตาลทราย ถ้าใส้หญ้าหวานแทนได้ก็ดีมาก เพียงนิดเดียว 3. ยีนส์แห้งผง ครึ่งช้อนโต๊ะ 4. น้ำมะนาว 2 ลูก 5. เปลือกมะนาว 2 ลูก 6.พระเอกของเรา ขิงแห้งสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ  วิธีทำก็ไม่ยาก นำน้ำตาลทรายลงไปต้มให้ละลาย ใส่ยีนส์ผงลงไป เก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อให้ยีนส์ทำงาน นำมะนาวที่สับละเอียด ขิงสับ เพิ่มน้ำตาลลงไปอีก
ใส่ลงในภาชนะที่เตรียมไว้ ต้มน้ำเดือด เทลงไปคนให้เข้ากัน ทิ้งไว้สักประมาณ 15 นาที แล้วก็กรองเอาแต่น้ำ ประมาณ ลิตรรึ่ง เทน้ำเย็นทับลงไป เมือ่ยีนส์เริ่มทำงาน คือฟองเริ่มขึ้น ก็นำมาเติมในขวดน้ำขิง พลิกขวดหรือเขย่าเบาๆ ปิดฝาให้แน่น และก้คอยดูทุก 2 ถึง 3 ชั่โมง เพราะกลัวขวดจะระเบิด
เพื่อรอให้ยีนส์ทำงานจนเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซต์ขึ้นเพิ่มแรงดัน ด้วยการครายจุกพอหลวม เมื่อเห็นฟองเดือดขึ้นมาเป็นพรายแล้ว ก็ปิดฝาเกรียวให้แน่น ก็แช่ตู้เย็นเป็นเบียร์ทั่วไปแต่มีรสขิงที่มีประโยชน์กับร่างกายนั่นเอง
                                                                           
              หมายเหตุ ด้วยเมื่อทุกวันนี้มีเครื่องอัดแก๊ซ สำหรับทำน้ำอัดลมแล้ว เราก็เตรียมเพียงส่วนที่เราเตรียมไว้ก็พอไม่ต้อง ใช้ยีนส์แห้งผงแล้ว คะ ท่านที่เล็งเห็นคุณค่าก็สามารถทำดื่มได้ และยังสามารถทำเป็นอาชีพได้ด้วยนะคะ ไม่แน่นะคะอาจจะเป็นอีกสินค้า ที่ขายดี ทำให้รวยๆ ได้เหมือนกันนะคะ ใครจะไปรู้ ขอบคุณนะคะ เพิ่มเติม เมื่อมีนักวิจัยมหาวิทยาลัยCLA แห่งอเมริกา ได้ทดสอบว่าลำแสงเลเซอร์  สามารถที่จะให้แก้โรคมะเร็ง ต่อมลูกหมาก เพราะคิดว่าจะใช้ได้ผลดี กับผู้ป่วยในระยะกลาง ซึ่งก็คาดว่า จะไม่ทำให้ระบบการขับถ่ายและสมรรถภาพทางเพศ มีผลกระทบแต่อย่างใด โดยการใช้เอกซเรย์คอมพิวเตอร์นำทางเข้าถึงมะเร็ง แล้วก็ปล่อยความร้อน เข้าไปทำลายเนื้อเยื่อมะเร็ง ซึ่งทางการแพทย์ก็ได้ให้ความสนใจและจะมีการทดลองในสถานพยาบาล ในเวลาอันใกล้นี้ เพราะตอนนี้ ทางองค์การอาหารเเละยาอเมริกา ยังไม่อณุญาต ให้ใช้คะ