แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ต่อสู้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ต่อสู้ แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ตำนานมวยไทย ที่สัญชาตญาณมากับสายเลือด

                  เป็นหนึ่งความภูมิใจ ที่ปัจจุบัน มวยไทยเป็นกีฬายอดฮิตในศิลปะการต่อสู้ ที่มีคนรู้จักกันไปทั่วโลก โดยใช้คำว่ามวยไทย นั่นก็หมายถึง เป็นศิลปะการต่อสู้ในสายเลือดของคนไทย ทุกคน   ไม่มีหลักฐานแน่นอนว่ามวยไทย สืบทอดมาจากไหนและใช้เมื่อไหร่ แต่เราจะหาข้อมูลอ้างอิงไว้หลายๆ ทางมาให้ท่านได้ใช้ศึกษา เพราะว่าคนไทยติดตัวคนไทยมาโดยสัญชาตญาณ บางตำนานก็กล่าวไว้ว่า ตั้งแต่สมัยสุโขทัย ประเทศไทยมีการสู้รบกับปะรเทศเพื่อนบ้าน บ่อยครั้ง จึงมีการฝึกใช้อาวุธคู่กับการฝึกมวยไทย อย่าง ดาบ , หอก , โล่ห์ , กระบี่ , กระบอง , ยิงธนู โดยมีศิลาจารึก บันทึกไว้ด้วย เริ่มเมื่อประมาณ พ.ศ. ๑๗๘๑ ถึง พ.ศ. ๑๙๕๑ หลังจากเสร็จจากสงครามแล้วก็จะต้องฝึกเพื่อเสริมบุคลิก ให้สมกับความเป็นชาาตรี และเพื่อเป็นการป้องกันตัว เป็นประเพณีอันดี และเพื่อที่จะรับราชการทหารด้วย ซึ่งโบราณนั้นสำนักที่มีชื่อเสียงมีมากมาย โดยที่จะให้มีการเตรียมร่างกายแบบได้ประโยชน์ ทำให้ร่างกายนั้นแข็งแรงไปด้วย ซึ่งหลายครั้งก็กินสมุนไพร ที่เป็นธรรมชาติ เหมือนกับ  อาหารเสริมลดน้ำหนัก ก็จะเป็นการตักน้ำ ผ่าฟืน ตำข้าว แล้วก็ว่ายน้ำ รวมไปถึง การห้อยโหนเถาวัลย์ ซึ่งถ้าใครที่เคยดูหนังจีนโบราณก็จะได้เห็น ว่าเขาฝึกกันอย่างนั้นทุกๆวัน เพื่อให้ ร่างกาย และกล้ามเนื้อแข็งแรงนั่นเอง และหลังจากนั้นก็จะทำการ อาบน้ำกอ่นเข้านอนเพื่อเป็นการผ่อนคราย  ซึ่งครูมวยก็จะอบรมศีลธรรมทั้งยังทบทวนทักษะที่ได้ฝึกมาก่อนนั้นด้วย ในสมัยนั้นมีสำนักมวยที่ขึ้นชื่อคือ สำนักสมอคอน แขวงเมืองลพบุรี ซึ่งเป็นที่นิยมของชายชาตรีทั้งหลาย รวมไปถึงพระมหากษัตริย์ พ่อขุรศีรอิทราทิตย์ ยังทรงได้ ส่งเจ้าชายร่วงองค์ที่ ๒ อายุ ๑๓ ปี ไปฝึกมวยด้วย และยังทรงบรรจุไว้เป็นหลักสูตร ของพระมหากษัตริย์ ด้วย จุดมุ่งหมายของการฝึกมวยไทยสมัยก่อนก็เพื่อ ๑. เพื่อไว้สู้รบกับข้าศึก โดยที่จะเรียนเพลงดาบ ในการรบพุ่งด้วย แล้วก็ผสมผสานอาวุธ มวยไทยที่มีการใช้ทั้ง หมัด เท้า เข่า ศอก ๒. เพื่อเป็นการป้องกันตัว และเมื่อที่ว่างจากศึกสงครามก็จะมีการจัดการแข่งขัน เป็นที่มีการขันต่อมาด้วย และเมื่อสมัยต่อมา
               ประเทศไทยนั้นก็ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของ พม่า แล้วได้นำเอาเชลศึกของไทย ที่ชื่อว่านาย ขนมต้ม ที่สามารถชนะนกมวยพม่าได้ถึง ๑0 คนเลยทีเดียว และสมัย อยุธยาตอนปลาย ได้มีการพันมือด้วยผ้า ซึ่งที่เรียกกันว่าใวยคาดเชือก ที่จะใช้ผ้านำมาคาดที่มือ โดยดารควั่นไปมา จะแข็งมากต่างกับนวม สมัยนี้เป็นอย่างมากเลย ซึ่งก็จะมีที่การลงอักขระเลขยันต์ และท่องคาถากำกับไว้ด้วย ซึ่งสมัยนั้นก็จะยังไม่มีนาฬิกา จึงได้นำเอากะลามะพร้าวมาเจาะเป็นรู แล้วนำไปถ่วงน้ำ เมื่อกะลาจมก็ถือว่าหนึ่งยก สมัยต่อมากีฬามวยก็เปลี่ยนมาจับเวลาเป็นนาที มีกรรมการคอยห้าม และใช้กรรมการ ๒ คน คือพระยานนท์เสน และพระยานเรนทร์ราชา 
การชกก็เป็นแบบ คู่ที่๑ ชกกันหมด ๑ ยก ก็ลงให้คู่ที่ ๒ ขึ้นไปชก ตามด้วยคู่ที่ ๓ และ๔ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีผู้ชนะ หรือไม่ก็จนตะวันตกดิน ซึ่งก็ต้องมีร่างกายที่แข็งแรงจริงๆ และสามารถที่จะ ซ้ำได้ เวลาที่ล้ม กัดหูกันก็มี ซึ่งต่อมาก็ได้มีการพัฒนากติกา ไปจนถึงปัจจุบัน ถึงประว้ติที่ชัดเจนนั้นก็จะเป็น พระยาพิชัย ดาบหัก ทหาร๕ู่พระทัยพระเจ้าตากสิน ที่มีการเขียนเรื่องราวไว้ชัดเจนว่า ได้เรียนมวยมาตั้งแต่เด็ก และยีงได้เรียนกังฟู ทั้งเชี่ยวชาญ ด้านเพลงดาบ อีกด้วย 
                                                                              
               ด้วยที่มรการตั้งชื่อที่ใช้เป็นแม่ไม้เพลงไทยนั้น มีเสน่ห์ยิ่งนัก ได้รวบรวมมา มี ๑๕ ท่าดังนี้
  ๑ สลับฟันปลา เป็นท่าที่เมื่อคู่ต่อสู้ เดินเข้ามาปล่อยหมัดซ้าย เพื่อที่จะหมายใบหน้าเรา เราก็จะใช้มือมือขวากระแทกไปที่หัวไหล่ด้านนอก ของคู่ต่อสู้นั่นเอง 
  ๒ ปักษาแหวกรัง  เมื่อคู่ต่อสู้ เข้ามาชก หมายจะให้เข้าใบหน้าเรา เราก็จะก้าวเท้าขวา ทแยงเฉียงสืบเท้าเข้าวงใน ใช้แขนซ้ายปัดมือให้พ้นใบหน้า มือขวากระแทกไหล่ด้านใน ของคู่ต่อสู้ทันที แต่ถ้าดัดแปลงก็จะเป็น มือซ้ายจับมือคู่ต่อสู้ แล้วใช้แรงที่คู่ต่อสู้ โถมเข้ามานั้น โน้มให้คู่ต่อสู้ล้มไปข้างหน้าได้ 
  ๓ ชวาซัดหอก เมื่อคู่ต่อสู้ ปล่อยหมัดหมาย ใบหน้าเราก็ให้ก้าวเท้าซ้ายเฉียงออกวงนอก ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้าซ้าย พุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ แขนขวายกขึ้นปัด เบนมือออก แขนซ้ายยกข้อศอกกระแทก ที่หมายชายโครงคู่ต่อสู้ 
  ๔ อิเหนาแทงกริช  เมื่อคู่ต่อสู้ตรงเข้ามาปล่อยหมัดขวา ให้ก้าวเท้าทแยงเข้าวงใน ทิ้งน้ำหนักตัวลงเท้าขวา ยกแขนขึ้นปัดหมัด แล้วใช้ศอกกระแทกที่ชายโครง ของคู่ต่อสู้
  ๕ ตาเถร ค้ำฝัก เมื่อโดนคู่ต่อสู้ ปล่อยหมัดขวาเข้า หมายใบหน้า ให้เราตั้งซ้ายให้มั่น  สืบเท้าหน้าเข้าไปหาฝ่ายรุก ทิ้งน้ำหนักตัวลงบนเท้าขวา งอแขนขึ้นตรงหน้าปัดกระแทกขึ้น ให้หมัดฝ่ายรุกพ้นศรีษะไป มือขวาเราก็ชกเข้าสู่ปลายคางคู่ต่อสู้ ( อัปเปอร์คัท ) 
  ๖ ยอเขพระสุเมรุ ( บ้างก็เรียก ยกเขาพระสุเมรุ ) เมื่อคู่ต่อสู้เดินเข้ามาจะต่อยที่หน้าเรา เราก็รีบก้มศรีษะ แย่งก้าวเท้ายวาทเข้าวงใน ทิ้งน้ำหนักลงเท้าขวา ก้มหลบหมัด แล้วก็หมัดหน้า ซัดเข้าที่ปลายคางคู่ต่อสู้ทันที 
         ๗. ปักลูกทอย เป็นการรับการเตะกราด คือการเตะที่เรียกว่าการเตะวาดขาไปจากด้านข้าง โดยเทื่อโดนคู่ต่อสู้ นั้นเตะเข้ามาหาตัวเรา เราก็ยกศอกทั้งสองข้างขึ้นมารับ ซึ่งข้างหนึ่งจะอยู่ต่ำ อีกข้างจะอยู่สูง ทั้งนี้ต้องย่อเข้าลงเล็กน้อย เพื่อการทรงตัวที่จะไม่เสียหลักอีกด้วย 
๘. มอญยันหลัก เป็นการใช้ลูกถีบ จะใช้ก็ตอนที่คู่ต่อสู้ เดินเข้ามาหมายที่จะต่อย เราเราก็จะเอียงถอยหลบหมัดเล็กน้อย โดยที่จะยกเท้าพร้อมที่จะถีบไปที่ยอดอกของคู่ต้อสู้ ซึ่งจะมีทั้ง ถีบหน้า และถีบหลัง ( หมายถึงการใช้ เท้าที่วางอยู่ข้างหน้าเรียกว่าถีบหน้า ถ้าเท้าวาวงข้างหลังเรียกว่าถีบหลัง ) 
๙. จระเข้ฟาดหาง เป็นที่ผู้ฝึกนั้นต้องใช้ความชำนาญ อยู่มากเพราะว่าเวลาที่เรานั้นเตะแล้วคู่ต่อสู้หลบได้ ก็พอดีกับที่เรานั้น หันหลังให้พอดี เมื่อเราเตะที่ภาษามวยเรียกว่า เตะหลุดนั้น เราก็ใช้ขาหลังหมุนไปด้านบน เหมือนการฟาดขา เป้าหมายที่ก้านคอ ท่านี้ถ้าโดนก็มีสิทธิ์ หลับได้เลย
๑0. นาคาบิดหาง เป็นการรับการเตะที่คู่ต่อสู้หมายที่ชายโครง ให้เรานั้นเอียงหลบ แล้วใช้มือจับเท้าคู่ค่อสู้ และหักบิดอย่างเร็ว โดยที่เรานั้นก็จะยกเข่าขึ้น เตรียมที่จะใช้เข่ากระทุ้งที่น่องของคู่ต่อสู้ด้วย 
๑๑.หักงวงไอยรา เป็นท่าที่คู่ต่อสู้ เตะเราแล้วเรานั้นก็จะหลบนิดนึง แล้วใช้มือบิดเท้าคู่ต่อสู้ ให้คู่ต่อสู้เสียหลัก แล้วหันหลังให้เรา โดยที่มือเรานั้นจับเท้าคู่ต่อสู้ และบิดตรงเข่าคู่ต่อสู้ และกดลงไปที่เข่า 
๑๒. วิรุฬหกกลับ เป็นการที่ตีตีศอกกลับใส่คู่ต่อสู้ แต่ให้ตีศอกแรกด้วยขวา และซ้าย โดยที่คู่ต่อสู้นั้นไม่ทันระวังตัว ท่านี้เป็นท่ารุนแรงอีกท่าหนึ่งที่อันตรายมาก
๑๓. หักคอเอราวัณ เป็นท่าที่คู่ต่อสู้จะเข้ามาจับเราตีเข่า เราก็จะล๊อคแขนอีกฝ่ายโดยใช้กำลังช่วงใต้รักแร้  แล้วใช้มือจับคาง อีกมือก็จับที่หลังหัวคู่ต่อสู้ แล้วก็ผลักคอคู่ต่อสู้ให้หงายไปข้างหลัง 
๑๔. ขุนยักษ์จับลิง เป็นการที่ดมื่อคู่ต่อสู้เข้าต่อยหมัดใส่ลำตัว เราก็ใช้แขนป้องกันตัว แล้วใช้จังหวะแขนอีกข้างที่เหลือ ล็อคคอคู่ต่อสู้ข้างลำตัว 
๑๕. ดับชวาลา เป็นการเมื่อคู่ต่อสู้ เข้ามาต่อยเราบริเวณใบหน้า เราก็จะใช้แขนปัดหมัด ในขญะเดียวกัน ก็ปล่อยหมัดอีกข้าง เข้าตาคู่ต่อสู้นั้่นเอง 
๑๖. หนุมานถวายแหวน เป็นการสืบเท้าเข้าหาคู้ต่อสู้ แล้วใช้หมัดคู่เสยขึ้นที่คางคู่ต่อสู้ ด้วยหมัดคู่ 
๑๗. เถรกวาดลาน เป็นท่าที่เห็นนักมวยในสนามใช้บ่อมมาก นั่นคือการเตะตัดขา หมายที่น่องของคู่ต่อสู้ ซึ่งจะทำให้คู่ต่อสู้ ล้มแบบไม่เป็นท่านั่นเอง 
                 ตามที่กล่าวมานี้ก็ยังมี อีกหลายกระบวนท่ามาก นี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้น เพราะไม้ไม้มวยไทยนั้น มีท่าอย่างอื่นอีกมากมาย โดยท่บางส่วนนั้น ก็เป็นการแก้ทางมวย ไม่ว่าจะเป็นท่าที่เรียกว่า ไถนา เป็นต้น บางท่าทางนั้นก็ต้องใช้เวลาและชำนาญเป็นย่างมากเลย ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ ก็เน้นเรื่องการป้องกันตัวเป็นหลักโดยที่มีการบรรจุการแข่งขัน มวยไทยอาชีพ กับ มวยไทยสมัรเล่น ซึ่งก็มีทั้งสมัครเล่ยหญิง สมัครเล่นชาย ก็จะสวมอุปกาณ์การป้องกันตัวที่มากหน่อย ไม่ว่าจะเป็น กระจับ ปลอกรัดเท้า สนับศอก กางเกง นวม ฟันยาง เฮดการ์ด เกราะป้องกันหน้าอก สนับแข้ง โดยที่แบ่งเป็นฝ่ายโดยจะมุม น้ำเงิน และมุมแดง แต่เซียนที่เห็นอยู่และไม่ระบุนั้นก็จะถือว่า มุมแดงคือมวยที่เป็นต่อ ( ซึ่งเซียนมวยส่วนมากรู้ดี ส่วนมากเพื่อเป็นการต่อการวางเดิมพัน) ส่วนทางด้านมวยไทยอาชีพนั้น ก็จะลดอุปกรณ์ป้องกันตัวลงไปมาก ที่จะใส่เวลาที่ขึ้นชกบนเวที ก็จะมี กระจับ ฟันยาง นวม ( ซึ่งก็พันมือก่อนด้วยผ้า  )  และที่นักมวยไทยนั้นขาดไม่ได้ก็คือ การไหว้ครูก่อนชกและการสวมมงคล ที่ศรีษะ ( เวลาชกก็จะถอดออก ) เพราะจะเป็นการระลึกถึงครูมวยและสวดท่องคาถา เพื่อสร้างสมาธิก่อนชกนั่นเอง 
         ประโยชน์ที่ได้รับที่เห็นได้เลยก็คือ ความแข็งแรง มีความมั่นใจ มีมานะอดทน มีเชาว์ไหวพริบ จิตใจกล้าหาญ การที่จะฝึกมวยไทยให้เก่งนั้น ก็จะต้องใช้เวลาและเป็นการฝึกที่ทรหดมาทีเดียว มวยไทยเป็นมวยที่ใช้สำหรับ เวลาที่ดดนประชิดตัว และการตะลุมบอน จึงได้ใช้ทุกส่วนในร่างกาย ซึ่งสมัยก่อนนั้น ก็จะมีการฝึกโดยการเตะต้นกล้วย และใช้ผ้าพันต้นไม้หรือเสา ใหญ่ ( แทนกระสอบทรายสมัยนี้ ) และการเตะนั้น ก็จะไม่ใช้เท้าในการเตะ แต่กลับจะใช้ส่วนที่เหนือข้อเท้าขึ้นมา ที่เรียกว่าแข้ง และจะฝึกให้แข้งแข็งแรงนั้นก็จะต้อง คือหลังจากที่ฝึกซ้อมกระสอบทรายแล้ว ก็จะใช้ไม้ มาเคาะตรงแข้ง เรื่อยๆ เพราะจะทำให้ด้านและแข็ง ปัจจุบัน มวยไทยเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวางไปทั่วโลก และนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงนั้นไม่ว่าจะเป็น บัวขาว ที่เป็นแชมป์มวย K1 และไม่ว่าจะเป็น สมรักษ์ คำสิงห์ ที่สร้างชื่อให้กับกีฬามวยไทย และอีกหลายๆคน มวยไทยในอดีตกับปัจจุบันก็ไม่เหมือนกัน เพราะมวยสมัยก่อนนั้น ก็เป็นการฝึกเพื่อป้องกันตัว การออกอาวุธ จึงมีหลายท่าและต้องการความคล่องตัวที่สูงมาก ส่วนทุกวันนี้เป็นการเชิงธุรกิจ เราจึงไม่ค่อยได้เห็น ท่าสวยๆของแม่ไม้มวยไทยกันเลย มีก็แต่บางท่า เพราะว่าท่าพลาดท่าก็จะทำให้เสียคะแนนลงได้  จึงมีผู้ที่คิดจะอนุรักษ์ มวยไทยโบราณไว้อยู่ด้วย โดยสอนถึงระดับปริญญาด้วยที่ มหาวิทยาลัยราชภัฎ หมู่บ้านจอมบึง จังหวัดชลบุรี แล้ว ส่วนที่เปิดเป็นค่ายสอนมวยนั้นก็มีอดีต นักมวยไทยที่เก่งๆหลายคน เปิดสอนก็มีอย่าง ครูเป็ด เจริญทอง เกียรติบ้านช่อง ที่เปิดแถวเลียบทางด่วน รามอินทรา และมีอีกหลายท่านไม่ว่าจะเป็น บ้านครูแปรง ที่เน้นการสอนมวยไทยโบราณ ที่เรียกว่า มวยไชยา อีกด้วย การที่ได้รับความนิยม และอีกทั้งสังคมไทยนั้นก็ถือได้ว่ามีความปลอดภัยน้อยอยู่ก็เลยทำให้ ดาราไม่ว่าจะหญิงและชายต่างก็หันมาฝึกกีฬามวยไทยเป็นอย่างมาก อย่างนักร้องกระแต อาร์สยาม วิกกี้ ( แฟนคุณ ชาย ชาตโยดม) เป็นต้น การฝึกก็จะเน้นที่ร่างกายก่อนเป็นอันดับแรก โดยที่จะมีการวิ่ง ยึดพื้น ซิดอัฟ และการกระโดดเชือก และการฝึกนั้นก็จะทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง ขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย ซึ่งในกรณีที่นักมวยอาชีพ มีเรื่องทะเลาะวิวาท ที่เห็นว่าผิดจริงก็จะมีความผิดเป็น 2 เท่าด้วยนะคะ แต่คนไทยดีนะคะที่มีมาจากสายเลือดซึ่งก็จะเป็นการรักษา มรดกไทยให้คงอยู่ตลอดไปด้วย