แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ราชินีผลไม้ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ราชินีผลไม้ แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ผลไม้ไทย ที่แสนดี มีประโยชน์

              ผลไม้ที่เป็นราชาแห่งผลไม่ไทย ที่หลายตนชื่นชอบ แต่สำหรับบางคนก็เหม็นเพราะว่ากลิ่นแรง ทั้งนี้ทั้งนั้น ก้เป็นของต้องห้ามนำขึ้นเครื่องบิน ลักษณะของทุเรียน เป็นผลขนาดใหญ่ มีหนามแหลมแข็งอยู่รอบผล  สีของผลจะออกเหลืองอมเขียวปนน้ำตาล น้ำหนัก 1 ถึง 3 กิโลกรัม อาจมีใหญ่กว่าแต่ไม่มาก เนื้อใน สีเหลือง เป็นผลไม้ที่มีกลิ่นเแพาะตัว เป็นส่วนผสมของสารระเหยประกอบไปด้วย เอสเทอร์ คีโตน และกำมะถัน เป็นผลไม่มีน้ำตาลสูง มากไปด้วยไขมันและกำมะถัน ผู้ที่เป็นเบาหวานจึงไม่ควรรับประทาน เมืองไทย ถือว่าปลูกทุเรียนได้ดี และมีผลผลิตต่อปีนั้นมาก แต่ทุเรียนนั้น ไท่ใช่ผลไม้พื้นเมืองของไทย ทุเรียนนั้นเป็นผลไม้พื้นเมืองของประเทศ บรูไน อินโดนีเซีย และมาเลเซีย แต่เมื่อ 600 ปีท่ผ่านมาเป็นที่รู้จักของประเทศตะวันตก ในศตวรรตที่ 19 อัลเฟรด รัสเซล วออเลซ นักธรรมชาติวิทยา ชาวอังกฤษ ได้กล่าวไว้ว่า เนื้อในเหมือน คัสตาร์ด ส่วนรสชาติ คล้าย อาลมอนสด์ แต่ในประเทศไทยนั้นก็นำมาทำเป็นของหวาน ที่มีราคา พอไปกันได้ นั่นก็คือ ข้าวเหนียวทุเรียน ซึ่งประกอบด้วยน้ำกะทิที่หอมกรุ่น ช้าวเหนียวที่หอมหวาน เป็นอาหารที่คนนิยมรับประทาน แต่ไม่เหมาะกับผผู้ที่เป็นเบาหวาน ทุเรียนมีมากว่า 30 ชนิด ที่รับประทานได้มี 9 ชนิด แต่มีเพียงชนิดเดียวที่ได้รับความนิยม มีสายพันธ์ มากกว่า 100 สายพันธ์  ประเทศไทยนั้น นิยมมากที่คนไทยนั้นรู้จักดีก็น่าจะเป็น พันธ์ก้านยาว ที่มีราคาแพงมาก ซึ่งบางฤดู นั้นที่มีผลผลิต ออกมาน้อยก็จะมีราคาสูงถึง ลูกละ 1,000 กว่าบาทเลยทีเดียว ซึ่งที่มีอยู่มากเป็น ที่จังหวัด นนทบุรี ส่วนอีกพันธ์ที่นิยมมากกว่าและราคามาตรฐานนั้น ก็จะเป็นพันธ์ หมอนทอง ที่ได้รับการปรับปรุง เรื่อยมา และเป็ฯทุเรียนที่ขึ้นชื่อและได้รับความนิยม และราคานั้น็ไม่แพงจนเกินไป เป็นที่ต้องการของตลาดในประเทศมากที่สุด 
                                                          

             ทุเรียนในประเทศไทย สันนิฐานว่าน่าจะเข้ามาสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีหลักฐานว่าปลูกในภาคกลางของประเทศไทย ไม่มีหลักฐานว่านำมาจากไหน ครั้นสมัยรัตนโกสินทร์ ก็มี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธิบดี ( สุ่น สุนทรเวช ) ได้กล่าวถึงการกะรจายพันธ์ จากนครศรีธรรมราช มายังกรุงเทพมหานคร  ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๘ เป็นการขายพันธ์ด้วยเมล็ด และพัฒนามาปลูกด้วยกิ่งตอน จากการคัดเลือกพันธ์ดี 3 สายพันธ์ 1 อีบาตร 2 ทองสุก และ3 การะเกด ต่อมาก็เกิดลูกผสมขึ้นมามากมาย มึถึงกว่า 227 สายพันธ์ ทุเรียนเป็นไม้ผลยืนต้นไม่ผลัดใบ ไม่มียางเป็นใบเดี่ยว เกิดเป็นคู่ช่อบนกิ่งเดียวกัน เกิดตามลำต้น ดอกสมบูรณ์เพศ มีกลีบเลี้ยงและกลีบดอก 5 กลีบ บางครั้งก็มี 4 หรือ 6 กลีบ  เป็นผลชนิดเดี่ยว ผลมีหนามแหลมมีสีเขียว ครั้นสุกก็จะมีสีน้ำตาลอ่อน แตกตามส่วนของผล ซึ่งคนไทยนั้นก็จะเรียกกันว่า พู  ทุเรียนขึ้นได้ดี ในดินร่วนปนทราย และดินร่วนซุย ชอบแสงแดด น้ำปานกลาง เติบโตได้ดีในอากาศเขตร้อน ไม่ชอบอากาศที่มีอุณหภูมิ ต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ซึ่งจะให้ผลหลังจากการปลูก 5 ถึง 6 ปี และให้ต่อเนื่องกว่า 10 ปี พันธ์ ี่ทนนิยมปลูกกันมาก มี ๔ พันธ์ คือ ๑. พันธ์ก้านยาว มีรสหวานมัน เมล็ดใหญ่ และมีราคาที่แพงมาก  ๒. พันธ์หมอนทอง มีผลใหญ๋ พูมักไม่ค่อยเต็มทุกพู ระหว่างหนามใหญ่จะมีหนามเล็ก แซมอยู่ทั้วไปซึ่งเรียกหนามชนิดนี้ว่า เขี้ยวงู ก้านผลแข็งแรงเนื้อหนา มีผล ละเอียด หวานมัน เม็ดเล็ก ๓.พันธ์ชะนี มีรูปทรงหวด กลางผลป่อง หัวเรียว มักจะปลูกทางภาคใต้ ๔ . พันธ์กระดุม ร่องพูค่อนข้างลึก รสชาติหวาน ไม่ค่อยมัน เนื้อจะเละง่ายเมื่อสุกจัด อีกสายพันธ์ ที่ไม่กล่าวถึงก็ไม่ได้เพราะว่ากำลังเป็นที่นิยม นั่นคือ พันธ์ หลงลับแล จากจังหวัดอุตรดิตย์ เพราะเป็นที่นิยมกันมาก และก็มีราคาแพง ซึ่งเป็นผลเล็ก แต่รสชาติ กรอบ อร่อย และกำลังเป็นที่นิยม ทุเรียนนั้น ก็มีการปลูกเพื่อการค้า แต่ก็มีหลายครั้งที่มีปัญหาด้านการตลาด จึงทำให้มีผลผลิต ตกค้าง ขาวสวนจึงได้นำมาแปรรูป หลายอย่างไม่ว่าจะเป็น ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด
เป็นต้น และเป็นส่วนหนึ่งของ โครงการ otop อีกด้วย และมีการนำมาำ ไอศรีม รวมทั้งขนมปัง และไส้ขนมหวานอีกด้วย เดี๋ยวนี้คงไม่มีที่ว่าเมื่อก่อนนั้น เขาจะนำเอาเมล็ดมาต้มกิน อร่อยดีนักแล 
           ตอนนี้ขอกล่วถึง มังคุด ที่เรีกกันและยกย่องให้เป็น ราชินี แห่งผลไม้ไทย ( Queen of Fruits )  โดยที่คนส่วนมาก สอนกันมาว่า ถ้ากินทุเรียนมากจะร้อนใน ให้แก้ด้วยการกินมังคุด ซึ่งแก้การร้อนใน ซึ่งก็ตัดกับทุเรียนพอดี นั่นเอง ภาษาอังกฤษ ( mangosteem ) ชื่อวิทยาศาสตร์ ว่า  (  Garcinia mangostana )มังคุดเป็นพืช ที่ต้องการอากาศที่มีอุณหภูมิ มากกว่า 4 องศาเซลเซียส เป็นไม้ยืนต้น สูง 10 ถึง 12 เมตร ใบเดี่ยว มียางเหลือง ใบมีลักษณะเป็นรูปไข่ หรือวงรี ผลเป็นผลสด ค่อนข้างแข็งกลม แก่เต็มที่ออกสีม่วงแดง จำนวนกลีบเนื้อเท่ากับกลีบดอก ส่วนที่กินได้อยู่ในเปลือก มีสีขาวหอม รสชาติ หอมหวาน ละมุนลิ้น
เมล็ดทานไม่ได้ แต่โดยส่วนมากผู้บริโภค ก็มักที่จะกลืนกินเข้าไปด้วย การเลือกซื้อ ต้องลองบีบดู ถ้านิ่มติดนิ้ว ก็ถือว่าใช้ได้ มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ หมู่เกาะโมลุกกะ และหมู่เกาะ ซุนดา กระจายจนถึงหมู่เกาะอินดิสตะวันนตก แล้วเข้ามาสู่ ฮอนดูรัส , ปานามา , กัวเตมาลา , เอกวาดอร์ ถึง ฮาวาย ประเทศไทยมีการปลูกมานานแล้ว และใน โรงพยาบาล ศิริราช ยังมีวังชื่อ วังสวนมังคุด และเป็ฯผลไม้ชนิดหนึ่งที่นำออกมารองรับคณะทูต ในสมัยรัชกาลที่ ๑ หลายคนให้มังคุดเป็นราชินี แห่งผลไม้ ก็อาจเพราะว่า กลีบเลี้ยงติดที่หัวขั้วของผล คล้ายมงกุฎของราชินี และรสชาติ ที่อร่อยจนยากที่จะหาผลไม้อื่น มาเทียบ ประโยชน์ ก็ทำได้หลายอย่าง ทั้งอาหาร คาว , หวาน เช่น แกง , ยำ มีประโยชน์ ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย และชะลอวัยและการเกิดริ้วรอย ยังช่วยบำรุงผิวพรรณ สดใสเปล่งปลั่งอีกด้วย ซึ่งปัจจุบัน ได้มีการสกัดสารที่ได้จากเปลือกมังคุด คือสาร แทนนิน แซนโทน มีฤทธิ์ฝาด สมานแผล ส่วนเปลือกตากแห้ง ต้มกับน้ำ ฝนกับน้ำปูนใส ทานแกก้ท้องเสีย และยังใช้ทารักษาอาการน้ำกัดเท้า ( ฮ่องกงฟุต ) แล้วเปลือกยังมีสารกันเชื้อรา เหมาะแก่การหมักปุ๋ย ชาวโอลังอัสลี ในมาเลเซีย ใช้เปลือกรักษาแผลเปิดอีกด้วย   ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการนำมังคุด มาทดลอง และสามารถกำจัดเซลล์มะเร็ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลอดทดลอง  และที่คณะแพทย์ศาสตร์ ม. เชียงใหม่ ได้ทดสอบผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย โดยให้รับประทานอาหารสูตรธรรมชาติและน้ำมังคุดสกัด ร้อยละ 80 มีความเปลี่ยนแปลงชีวิตดีขึ้น สามารถทานอาหารได้ และลดอาการเจ็บปวด บางรายสามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ แต่ยังไม่ได้เป็นการรักษาแต่มีภูมิคุ้มกันดีขึ้น 
นอกจากนี้ ยังช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรงอีกด้วย และป้องกันสมองเสื่อม อัลไซเมอร์ โรคซึมเศร้า มีสารชนิดหนึ่งที่ได้จากการสกัดจากมังคุด ช่วยสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด TH 1 และ TH 17 มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งเกือบทุกชนิดและก็ยังมีการนำมาทำสบู่ เพื่อเป็นการรักษาสิวและแผลบนใบหน้าอีกด้วย ช่วยรักษาอาการ เข่าข้ออักเสบ ป้องกันตับเสื่อม ไตวาย 
                                                                              

           ประเทศไทยนั้น เป็นประเทศมีการปลูกมังคุดกันมาก ตามจังหวัด ระยอง และจันทบุรี ซึ่งราคาทั้งผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน ราคาก็อยู่ที่ประมาณ 35 ภึง 70 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม โดยการชั่งทั้งเปลือกนะคะ แต่ในความเป็นจริงนั้น ก็จะมาแพงตรงที่ 1 ไม่ใช้หน้า คือหน้าฝน หรือหน้าหนาวนิดๆ ก็จะมีการปลูกนอกฤดู ที่จะนำออกมาจำหน่าย ในราคาที่สูง แต่ถ้าอยากก็คงจะต้องซื้อ ส่วนทางด้าน มังคุดนั้น ก็อยู่ที่ประมาณ โลละ 40 บาท แต่ถ้าซื้อต้นทางก็จะถูกลง เพราะว่าไม่มีค่าขนส่ง หรือว่าค่าขนส่งถูกกว่านั่นเอง ผลไม้นั่นมีดีในตัว และประโยชน์มากมาย แต่คนส่วนมากนั้น ก็จะไม่ค่อยที่จะชอบรับประทนกัน อาจจะเป็นเพราะว่ายากแก่การรับประทาน และเดี๋ยวนี้ ก็มีอาหารทางเลือกที่ไม่มีประโยชน์ และนำกลิ่นผลไม้ มาปรุงแต่ง ให้คนสะดวกแก่การทานมากขึึ้น นั่นเอง การส่งออกนั้น ผลไม้ประเทศไทยนั้น ก็จะมีการส่งออกไปยังประเทศ จีน เป็นอันดับต้นๆ เพราะว่านิยมบริโภคกันมาก ด้วยที่ถูกตั้งให้เป็นทั้งราชาและราชินี แห่งผลไม้ไทย  คงจะเป็นเพราะเรื่องของรสชาติ ที่หวานอร่อยนั่นเอง จึงทำให้เป็นราชาและราชินีแห่งผลไม้ไป ประเทศไทยนั้นอุดมด้วยผลไม้ ที่หาได้ในประเทศราคาก็ไม่แพง ปต่ถ้าออกไปยังต่างประเทศแล้ว ราคาก็จะขึ้นอีกหลายเท่าตัว แต่ทั้งนี้ การส่งเสริมการส่งออกก็ต้องเน้นเหมือนกัน เพราะว่ามีข่าวมักจะออกมาบ่อยๆ ว่าชาวสวน บ่นว่าผลไม้ราคาไม่ดี ราคาตก ก็คงเป็นเพราะการขาดการส่งเาริม หรือว่าส่งเสริมและประชาสัมพันธ์ ไม่ดีพอนั่นเอง ประโยชน์ที่ได้รับนั้นมากมาย แต่ว่าคนกลับไม่นิยมเท่าที่ควร  อาจจะเป็นด้วยเหตุที่ว่าการเก็ยรักษาผลไม้สดนั้น เก็บได้ไม่นานด้วย นั่นเอง เกษตรกรชาวสวน คงต้องเน้นการแปรรูปสินค้าให้มีการเก็บรักษาที่ยาวนานขึ้น และสามารถที่จะนำสารอาหารที่ได้จากตัวผลไม้นั่นคงอยู่ด้วย จะเป็นทางเลือกที่ดี ให้กับการตลาดเป็นอย่างมาก ตอนนี้ ก็อยากขอให้คนช่วยกัน บริโภคผลไม้ด้วยนะคะ เพราะประโยชน์ มีมากมายจริงๆคะ และยังเป็นการส่งเสริมให้ของดีและผลไม้ดีๆ ยังคงอยู่และราคาก็ไม่แพงด้วย ด้วยการรับประทานอาหารให้หลากหลาย ควรทาน อาหารเสริมลดน้ำหนัก เป็นส่วนช่วยในการดูแลคุณ เป็นอาหารเสริมที่ช่วย ให้ร่างกายแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย อีกทางเลือกที่คุณทำได้