แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ น้ำแข็งราดหัว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ น้ำแข็งราดหัว แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทำบุญแบบใหม่ ราดน้ำแข็งใส่ตัว ฮิตทั่วโลก

           วันนี้ อาหารเสริมลดน้ำหนัก เล่าการทำบุญแบบแปลกๆ เมื่อไม่นานมานี้ อดคิดไม่ได้ว่าสงกรานต์ปีนี้ ฝนลงมา อดเล่นน้ำเลย แต่ว่ามาดูกันก่อนว่าเขาทำกันมาอย่างไร เมื่อเหล่าคนดัง จุดประกายการทำบุญ ที่เป็นเรื่องที่สนุกสนาน ด้วยการเอาน้ำแข็งราดหัว ที่เรียกว่า  Ice Bucket Challenge เป็นการทำเพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือที่เรียกว่า ALS โดยที่ผู้รับคำท้าก็จะรับแล้วพอทำแล้วก็จะท้าต่อไปอีก โดยผู้ที่ถูกท้าทายก็จะมีเวลา ทำ 48 ชั่วโมง เป็นเทรนด์ ใหม่ที่แสนฮิต # โครงการนี้เป็นการกระตุ้นให้ผู้ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตื่นตัวระวังโรคนี้ * เทรนด์นี้มจากความคิดของ Pete Frates อดีตนักกีฬาเบสบอลระดับมหาลัยได้ป่วยด้วยโรคนี้ คิดมาเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้  # จนได้รับความสนใจจากคนดังๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น  Bill Gates, Mark Zuckerberg, Tim Cook, Darren Fletcher, Blake Shelton และ Adam Levine * กติกาแบบ viral ดดยให้แท็กชื่อเพื่อน หรือคนรู้จัก ๓ คน หากรับการท้าก็ให้แท็กไปอีก ๓ คน และท่งการกระทำในโชเชียลเน็ตเวิร์ค ภายใน 24 ชั่วโมง # การเอาน้ำเย็นราดตัว ก็เหมือนกับการที่เรานั้นควบคุมกล้ามเนื้อไม่ได้นั่นเอง หมายรวมไปถึงการหายใจลำบากด้วยนั่นเอง เมื่อ Mark Zuckerberg ได้ส่งคำท้าต่อให้ บิลเกรท ( Bill Gates ) ผู้ก่อตั้งไมโครซอฟท์ , Sheryl Sandberg ผู้บริหารหญิงของเฟซบุ๊กและ Reed Hastings ซีอีโอแห่งเน็ตฟลิกซ์ แต่แล้วบิล เกรท ก็ได้รับคำท้าและได้ออกแบบ ถังที่ราดตัวเองโดยเข้าหัวพอดี สิ่งนี้ไม่ยากอาศัยความสนุก และกล้านิดหน่อยก็พอ
                                                                     
           แต่ในความจริงแล้วการเล่นนี้ เป็นการเล่นที่ให้เอาน้ำแข็ง ทุ่มใส่หัวใครสักคน ซึ่งก็ดูรุนแรงเกินไป คิดไม่ออกเลยว่าถ้าโดนน้ำแข็งทุ่มใส่ ต้องว่ากันถึงมีแผล และบาดเจ็บอย่างแน่นอน ( คิดไปก็ไม่น้อยกว่าการเอาหินปา ) โดยที่สามารถเลือกได้ว่าจะทุ่มใส่ตัวเองหรือคนข้างๆ ทุ่มเสร็จก็จ่ายเงิน ไป 300 บาท ถ้าเลือกที่จะไม่ทำ ก็จ่ายไป 3,000 บาท เพื่อเป็นเงินทำบุญไป ไม่รู้ว่าคนรวยที่เขาเอาน้ำแข็งราดตัวเนี่ย กลัวจะจ่ายเงิน 3,000 บาทรึเปล่านะ  ผ่านมาด้วยความที่ กระแสนิยมมากในโชเชียลฯ ก็เลยแพร่เข้ามาสู่ประเทศไทยได้ไม่ยาก โดยมีผู้ที่ถูกท้า นั้นก็มีอาทิ คุณภาวุธ (@pawoot) TARAD.com, คุณจักรพงษ์ (@jakrapong) จาก Thumbsup และอาจารย์ศุภเดช (@ripmilla), พิธีกรรายการแบไต๋ไฮเทค หนุ่ย พงศ์สุข เกมโชว์โซเชียล ซี ฉัตรปวีณ์ วูดดี้ มิลินทจินดา และ ตัน ภาสกรนที รวมไปถึงน้องมันแกว ,  เจมส์ จิรายุ ตั้งศรีสุข ดารานักแสดง และพรีเซ็นเตอร์เอไอเอส 3G 2100 ได้รับคำท้า Ice Bucket ChallengeTH แล้ว (Challenge โดย สมชัย เลิศสุทธิวงค์ ซีอีโอ AIS) ทั้งนี้ยังมีพิธีกรายการตื่นมาคุย ก็เข้ามาด้วยนะคะ การทำแบบนี้คนไทยน่าจะชินมากกว่า เพราะว่าเล่นน้ำกันอยู่ทุกปี ที่เรียกว่า สงการนต์ ที่มีแต่ความสุข ของคนส่วนใหญ่ แล้วก็มีคนมาเล่นของสูง เมื่อ ปลื้ม หรือที่รู้จักกันในนาม ของ สุรบถ หลีกภัย ลูกชายของอดีตนายกรัฐมนตรี ชวน หลีกภัย ได้รับคำท้าจาก บี้ เดอะสตาร์ และส่งคำท้าไปต่อให้ มาดามมด, สรยุทธ สุทัศนะจินดา และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
อุยงานนี้ ทั้งน่าลุ้น น่ากลัวด้วยนะคะ ว่าท่านจะรับคำท้ารึเปล่าคะ
                                                                           
     ฝรั่งเขาก็คิดได้ด้วยการทำบุยแบบแปลกๆ แต่ของเมืองไทยที่มีมาช้านานนี่สิ โดยการทำบุญตักบาตร การให้ทาน การบริจาคเงิน เพื่อสังคมต่างๆ โดยเฉพาะคนที่เห็นบ่อยๆ คือขอทาน ที่คนไทยนั้น ไม่รู้ว่า ส่งเสริมให้คนทำผิดไปรึเปล่า  ซึ่งโดยมากแล้ว ขอทานที่เมืองไทยนั้น ก็เป็น แบบทำเพื่อธุรกิจ ที่หลายครั้งที่ข่าว เมืองไทยออกมาแบบที่ว่า ลักขโมยเด็ก ไปตัดแขน ตัดขาเพื่อมาทำเป็นขอทาน มีอยู่มากมาย จากการสอบถามคนไทยที่ให้เงินไปนั้น ก็บอกว่า ไม่ได้คิดอะไรมาก ให้ไปเพราะสงสาร อีกด้านก็ด้วยที่ว่าเป็นการทำบุญ แต่ว่าทำไมถึงมีขอทานมากมายนั้น ก็เพราะว่า การที่มานั่ง ขอทานนั้น เป็นการหารายได้ที่ง่ายที่สุด เพราะรายได้เฉลี่ยต่อวันนั้น ไม่ต่ำกว่าหลักพันบาท เลยทีเดียว ยิ่งเป็นแหล่งชุมชนแล้วก็จะได้มากกว่านี้มากเลย ซึ่งเมื่อก่อนนั้น คนไทยก็ให้เพียงเศษเงิน แต่ว่าทุกวันนี้ อย่างน้อยก็เหรียญ ห้าบาทเข้าไปแล้วต่อคน เมื่อกลายเป็ธุรกิจที่ทำรายได้ง่ายๆ และสังคมไทยนั้น ยังเป็นคนที่ใจบุญสุนทาน ก็เลยทำให้มีเพิ่มขึ้นมาอย่างมากมาย ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะว่าผู้กระทำการขอทานนั้น ก็มีความผิดเพียงเล็กน้อย เท่านั้นเอง เป็นแง่คิดที่ว่า เพราะว่าเรานั้นสงสาร จึงทำให้เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นหรือไม่และควรจะต้องทำอย่างไร สังคมจึงจะน่าอยู่ เพราะว่าด้วยเงินบริจาคที่มีผู้คนบริจาคให้กับทางวัด โดยหยอดลงในกล่อง หรือหีบ หรือตู้รับบริจาคกันแล้ว ก็ยังไม่วายที่จะมีโจร เข้าไปงัดเอา โดยที่ไม่เกรงกลัวต่อบาปกันเลย ถ้าสังคมดี ก็จะน่าอยู่อย่างมากเลยทีเดียว