เมื่อรัฐบาล ก.ตร ได้มีความเห็นพ้อง แต่งตั้งให้ท่าน ศานิตย์ มหถาวร ได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการแห่งชาติ ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นตำแหน่งที่สูงสุด ในการดำรงตำแหน่งของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทย หลังจากที่ท่านเข้ามารักษาการเแทนถึง 9 เดือน เหมือนการฝึกงาน แล้วก็ผ่านขั้นตอนนั้น ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีการสลับหน้าที่ คำสัง่ของ คสช สั่งสลับหน้าที่ 3 นายพล โดยได้พิจารณาจากเรื่องการค้ามนุษย์และบ่อน ไม่พบความผิด และก็ไม่สมควรอยู่ในตำแหน่งเดิม โดยให้ พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ9 มาเป็น ผู้บัญชาการช่วยสำนักงานตำรวจ ผู้บัญชาการตำรวจ แทน ท่านศานิตย์ ส่วนตำแหน่ง สิงขร 1 ทิ้งไว้รอแต่งตั้งตามวาระ และให้ผู้การสงขลา สลับกับผู้การสระบุรี เช่นเดียวกับ ผู้การสมุทรสาคร ถูกสับเปลี่ยนมาประจำที่นครนายก ก็เป็นไปตามเส๋ะธ๊ค ที่ปรากฏว่า โผน่าจะออกมาแบบนี้
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงด้าน ก.ตร มาแล้วก็ต้องมีการลด ระดับนายพล ทหาร ลงอีกให้เหลือ เพียง 5 ตำแหน่ง เมื่อวันที่ 28 ก.ค.59 สภากลาโหม มีความเห็นชอบ ลดจำนวน นายพล ตามแผนปฏิรูปกองทัพ เป้าหมายปีละ 2.5 เป็อร์เซนต์ และปี พ.ศ. 2571 ต้องลดลงด้วยทางด้านกระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวานิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงหลังการประชุมว่า ที่ประชุมเห็นชอบปฏิรูปกระทรวงกลาโหม เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยการปรับงานด้านกำลังพล ซึ่งกระทรวงกลาโหมมีกำลังพลในชั้นยศสูง จึงต้องมีการปรับเพื่อความเหมาะสม โดยจะปรับตำแหน่งผู้มีคุณวุฒิพิเศษ ผู้ทรงคุณวุฒิ นายทหารปฏิบัติการ ลงไปร้อยละ 2 .5 ต่อปี เริ่มแต่ ปี พ.ศ.2551 สิ้นสุดในปี พ.ศ.2571 คือเป็นเวลา 20 ปี สามารถลดได้ร้อยละ 50 ครึ่งต่อครึ่ง แต่ใช้เวลา 20 ปี คือนายทหารระดับ พลตรี พลโท พลเอก ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ และพิเศษ ทั้งหมด 768 คน จะลดอีก 20 ปี เหลือ 384 คน แบบเดียวกับนายทหารชั้นพันเอกพิเศษ ในตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการที่มีอยู่จำนวน ๒,๖๙๑ คน เหลือ ๑,๓๔๙ คน ซึ่งทางด้าน พล.ต.คงชีพ กล่าวต่อว่า สำหรับการลดนายพล และอัตราผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆนั้น เริ่มดำเนินการตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2551 ก็สอดคล้องกับการที่จะลดการผลิตนักเรียนจากโรงเรียนเตรียมทหารและนายร้อยทุกเหล่าทัพ ก็จะเป็นการลดไปตามลำดับ และได้ทำโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด ๓ โครงการ ทั้งระดับชั้นยศนายพลรวมถึงทุกชั้นยศ มีกำลังเข้าร่วมโครงการกว่า ๓ ปี และมีกว่า ๑๕,000 นาย
ซึ่ง อาหารเสริมลดน้ำหนัก พาเรากลับไป เมื่อก่อน ถ้าเรามองย้อนไปประเทศญี่ปุ่น ที่เมื่อครั้งแพ้สงครามโลกนั้น ก็ถูกห้ามไม่ให้มีกำลังทหารมากเกินไป แต่ก็สามารถที่จะฝึกกันด้วยวิชาเตรียมทหาร ที่เรียกว่า ร.ด นั่นเอง ซึ่งล้วนก็แต่ฝึกตามวัยหนุ่ม และก็สามารถที่จะร่วมรบได้ในทันที ที่ชาติต้องการ เส๋ะธ๊ค และเมื่อในอนาคต อาวุธที่มนุษย์ได้คิดค้น ขึ้นมานั้น ก็มีอานุภาพ การทำลายล้างที่สูงมาก กำลังทหารก็จำเป็นน้อยลง เพราะว่าโลก ต้องการแรงงานมากกว่า นั่นเอง และอนาคตก็น่าจะเป็นการพัฒนาประเทศมากกว่า ในด้านเศรษกิจ และส่วนการจัดหาอาวุธ ก็ต้องยอมรับว่า ทางด้านประเทศผิวขาว มีการคิดค้นอาวุธ มาขายให้แถบประเทศที่รบกันก็รวยแล้ว แถมยังประเทศที่มีการรบกันนั้น ก็ยังต้องการอาวุธที่ทันสมัยมาเสริมเขี้ยวเล็บ ให้กับประเทศตัวเองอยู่ ทั้งที่ประชาชน นั้นก็ต้องทำงานเพื่อใช้หนี้ให้ประเทศตน ทั้งที่ประเทศมหาอำนาจทั้งหลาย ต้องการที่จะอยากให้ประเทศแถบไหนก็ได้ในโลกมีสงคราม เพราะเพียงเพื่อต้องการขายอาวุธ และยังเป็นการที่ไม่สามารถมีเวลาไปพัฒนาประเทศได้เลย ประเทศไหนที่สงบ ก็จะมีเวลาพัฒนาประเทศ ให้ก้าวไปข้างหน้านั่นเอง