บอกคำเดียวได้ว่าเสียดาย และไม่น่าจริงๆ กับบ้านที่ราคาขนาดนี้ เพราะว่ายังงัยเจ้าของโครงการก็กำไรเห็นๆ แต่ทำไมถึงเอาวัสดุ ที่ไม่ดีมาทำแบบนี้ เสียชื่อจริงๆ น่าจะบอกชื่อเจ้าของโครงการด้วยนะคะ เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อประมาณเดือนที่แล้วหลายคนคงได้ยิน ข่าวกับเรื่องการซื้อบ้าน แล้วนะคะ ว่าบ้านอยู่กรุงเทพฯ ด้วยราคาสูงถึง 40 ล้าน มาวันนี้ เจ้าของบ้าน คือคุณ กิตติพงษ์ ได้เสียชีวิตไป ด้วยโรคเส้นเลือดในสมองแตก โดยมีภรรยา นางวันเพ็ญ เรืองทอง พร้อมบุตรทั้ง 3 คน ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า และได้จัดสวดอภิธรรมศพที่บ้านที่ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษธานี ซึ่งเรื่องของบ้าน ที่กรุงเทพฯ น.ส.สิริกัญญา บุตรสาว ก็ว่าก่อนหน้านี้คุณพ่อป่วยและมีบ้านอยู่แล้ว ซื้อบ้านไว้เพียงเพื่อเวลาที่คุณพ่อมารักษาตัว ซึ่งหลังก่อนนั้นถูกน้ำท่วม ทำให้ตัวบ้านและภายในได้รับความเสียหาย ทางครอบครัวจึงตัดสินใจ ซื้อหลังใหม่ และได้ไปดูโครงการนั้น เพราะเป็นบ้านตัวอย่างและสภาพแวดล้อมก็ดี ซื้อแล้วก็สามารถเข้าไปอยู่ได้เลย จึงตกลงซื้อในราคา 40 ล้านบาท เมื่อเข้าไปอยู่ได้ไม่นานก็เกิดมีปลวก แล้วฝนตก น้ำรั่วเข้าไปใตัวบ้าน ซึ่งคุณพ่อก็เกิดอาการเครียด ถึงขนาดไปไหน ก็มีแต่พูดถึงปัญหาของบ้านหลังนี้ ตลอด จากนั้นก็มีการโพสต์เฟชบุ๊ก มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และทางเจ้าของโครงการได้โทรมาหาพ่อหลายครั้ง เพื่อจะให้ลบคลิปดังกล่าว จากปัญหาที่เกิดขึ้น ทางเจ้าของได้ติดต่อ เพื่อที่จะแก้ปัญหา แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งล่าสุดก็เข้าไปพัก ก็ทนไม่ได้ เพราะมีแต่กลิ่นน้ำยาฉีดปลวก จากนั้นคุณพ่อก็ล้มป่วยลง ล่าสุดก็ได้ส่งทนายเข้าไปคุยกับเจ้าของโครงการ โดยผู้บริหารระดับสูงก็รับปากจะยินดีเข้าช่วยเหลือ และรับผิดชอบทุกอย่างรวมทั้งพร้อมรับซื้อคืน
ซึ่งก็บอกว่า ส่วนตัวเข้าใจ ในโครงการว่าไม่ได้ตั้งใจ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจากการเสียชีวิตของคุณพ่อในครั้งนี้ บริษัทเจ้าของรู้สึกผิด เพราะไม่อยากให้เหตุการณ์เกิดขึ้น ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่ได้ถือโทษ หรือโกรธเคืองอะไรกับบริษัท เจ้าของโครงการหมู่บ้านแต่อย่างไร สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตัวเองในครั้งนี้ทำให้ได้ข้อคิดว่าการซื้อบ้านจัดสรร ต้องดูปัญหาปลวก และเรื่องของหลังคา ไม่คิดว่าบ้านราคา ๔0 ล้าน จะพบปัญหาปลวกและน้ำฝนรั่ว ฝากให้ผู้ที่จะซื้อบ้านต้องดูอย่างละเอียดทุกครั้งที่จะตัดสินใจซื้อบ้าน อาหารเสริมลดน้ำหนัก ก็พอจะมีความรู้เรื่องบ้านอยู่นิดๆ ว่าการที่เรานั้นจะเข้าไปตรวจนั้น ค่อนข้างจะลำบาก เพราะว่าบ้านถ้าทำเสร็จแล้ว การตรวจว่าจะร่วตรงไหน ถ้าบ้านอย่างน้อยถ้าสร้างเสร็จก่อนผ่านหน้าฝน หรือไม่อยู่ในช่วงหน้าฝน ก็ให้สังเกตุ คราบน้ำที่รั่ว จะมีติดตามผนัง แต่เดี๋ยวนี้มีสีกันน้ำ เราก็ต้องสังเกตุที่พื้น ถ้ามีข้ำขังอยู่ พื้นจะมีคราบหรือไม่ถ้าเป็นพื้นไม้ปาร์เก้ ก็จะบวมขึ้นมา ส่วนเรื่องของงานเฟอร์นิเจอร์นั้น ให้เอาหูเขาไปแนบติดกับตู้ที่สงสัยหรือเคลือบแคลงก็ได้ไม่ว่าจะเป็นตู้เสือ้ผ้า ตู้ครัว โต๊ะเครื่องแป้ง เตียง วงกบ ประตู หน้าต่าง ว่ามีรูเล็กๆ และมีเศษไม้หรือฝุ่นเกาะอยู่หรือไม่ แลัวให้เอาหูแนบฟังก็จะได้ยินเสียง เสียงไม้ผุ เพราะปวกกิน แต่จะเบาๆ ไม่แรงนัก แล้วก็ดูชื่อเสียงของเจ้าของโครงการ ว่ามีชื่อเสียมั๊ย เพราะเดี๋ยวนี้ ส่วนมากเขาจะเน้นทำเล ไม่ว่าจะใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ถนน ก็อาศัยขายทำเล เป็นหลัก โดยที่ไม่สนเรื่องของวัสดุ และการก่อสร้าง ซึ่งก็จะหาผู้รับเหมา มาตีราคา ซึ่งก็เป็นอย่างว่า เมื่อผู้รับเหมารายใด ตีราคาถูก ก็จะได้เป็นคนทำไป ก็เป็นอีกนั้นหละ ที่ผู้รับเหมาก็มีหลายสาเหตุ คือตีราคาถูก เพื่อที่จะเอางานให้ลูกน้องที่มีอยู่มีงานทำ และตัวเองอยู่ได้ และอีกอย่างก็คือรับงานก่อนแล้วมาลักไก่ โดยการเอาวัสดุที่ไม่ดีมาทำ ไม่ว่าจะเป็นปูน ไม้ เหล็ก ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ เพราะถ้าทำเสร็จแล้วทังเหิบ ก็ยากแก่การตรวจสอบ เพราะว่าบ้าน ไม่เหมือนถนนคือช่วงที่เขารับประกัน ก็จะหมดอายุพอดี และอีกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเจ้าของโครงการเองที่เป็นคนทำเอง และไม่สนใจเพราะกลัวจะมีกำไรน้อยด้วย การตรวจสอบก็ไม่ว่าจะเป็นทังเหิบ หลักการใดก็ยังไม่เท่ากับการรับประกัน และชื่อเสียงของเจ้าของโครงการ เพราะว่าท่านสังเกตุดู ว่าโครงการไหนที่เจ้าของโครงการทำงานดี และเชื่อถือได้นั้น โครงการนั้นจะถูกจองหรือขายหมดในเวลาที่บ้านยังไม่ขึ้นด้วยซ้ำไป ก็ฝากด้วยนะคะ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เรานำมาให้ได้คิดกันคะ