วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

นายก ใช้ ม.๔๔ เรียนฟรี 15 ปี

             ใครใคร่ไม่รู้ก็น้อยมาก ว่าวันนี้บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปรกติ แต่ว่าเมื่อวันนี้ สิ่งที่ดีก็เกิดขึ้นกับ การศึกษาไทยอีกแล้ว เมื่อท่านนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศ ใช้มาตรา 44 กำหนดให้เด็กไทยได้เรียนฟรี 15 ปี โดยมีมติดังนี้ ด้วยการศึกษาแห่งชาติกำหนดให้รัฐต้องจัดให้ บุคคลได้รับการศึกษาขั้นพิ้นฐานไม่น้อยกว่า ๑๒ ปี รัฐบาลยุค คสช ท่านก็ได้ประกาศว่า ให้มีนโยบาบไม่เก็บค่าใช้จ่่ายเป็นเวลา ๑๕ ปี โดยใช้ ม.๔๔ โดยมีกฏหมายเก่า ที่บรรจุเอาไว้ ต้องให้เรียน ฟรี ๑๒ ปี มายุคนี้ ได้ปรับปรุง ให้เรียนฟรี ๑๕ ปี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และรัฐบาลเห็นว่าเป็นการลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างโอกาสทางการศึกษา แก้ปัญหาความยากจน และเป็นการส่งเสริมทรัพยากรมนุษย์ และเพื่อเป็ฯหลักประกันควมยั่งยืนมั่นคง เนื้อหาก็มีดังนี้
          อาศัยอำนาจตามมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2557 หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีคำสั่งต่อไปนี้ ข้อที่1. ในคำสั่งนี้ ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษา หมายถึง งบประมาณที่รัฐจัดสรรให้ แก่หรือผ่านทางการศึกษา หรือผู้จัดการศึกษาเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๕ ปี คือการศึกษาก่อนการปฐมศึกษา (ไม่รวมเตรียมอนุบาล ) 1. ระดับอนุบาล ถ้าพื้นที่นั้นมี 2. ระดับประถมศึกษา จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๖ หรือเทียบเท่าประกาศนียบัตรวิชาชีพ ปวช 3 รวมไปถึงการศึกษาสงเคราะห์ หมายถึงการจัดการศึกษาให้เด็กที่อยู่ในภาวะยากลำบาก ยากจน และด้อยกว่าเด็กทั่วไป มีลักษณะเป็นการกุศล เพื่อให้มีชึวิตการเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีพัฒนาการที่ถูกต้องเหมาะสมกับวัย และให้ส่วนราชการทีเกี่ยวข้อง กำหนดให้มีการกำหนดเตรียมการเพื่อจัดการให้เด็กเล็กก่อนวัยเรียนได้รับการดูแลและพัฒนาทางร่างกาย และจิตใจ วินัย ( คนไทยมีน้อยมากๆ ) อารมณ์ สังคม รวมทั้งสติปัญญา โดยส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรวมทั้งภาคเอกชนเข้ามามีส่นร่วมกันดำเนินการด้วย ทั้งนี้ ยังได้ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ๑๕ ปี ให้มีมาตรฐานเน้นคุณภาพ โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ๑๕ ปี เพื่อเสนอตามกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี  1. ค่าจัดการเรียนการสอน 2. ค่าหนังสือเรียน 3. ค่าอุปกรณ์การเรียน 4. ค่าเครื่องแบบนักเรียน 5. ค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพการเรียน 6.ค่าใช้จ่ายอื่นตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ สั่ง ณ วันที่ ๑๕ มิถุนายน พ.ศ. 2559 ลงชื่อ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาควาสงบแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม คนส่วนใหญ่ยังไใ่เข้าใจกคือการศึกษาที่กำหนดไว้ในกหมายก็คือ การศึกษาพื้นฐาน 12 ปี แต่ที่เพิ่มเข้ามาตอนนี้ เป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก็มีการเพิ่ม คือ ค่าเสื้อผ้า อุปกรณ์การเรียน ค่าอาหาร และในคำสั่งนี้ เพื่อเป็นหลักประกันว่านโยบายนี้ จะมีใช้ต่อไปไม่ว่าร่างรัฐธรรมนูญ ผ่านหรือไม่ จึงทำเป็นคำสั่งออกมา
             แต่ในความเป็นจริงนั้น อีกหลายข้อที่โลกข้างนอกก็มีการเเข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนกวดวิชา ที่มีอยู่มากมายทำไม ก็เนื่องด้วยหลายปัจจัย เช่น อยากที่จะเก่งมากขึ้นไปอีก อยากที่จะมีการพัฒนาวิชานั้นๆ ให้แตกฉาน และอาจารย์ที่สอน ไม่ได้สอนอย่างเต็มที่และให้เรียนพิเศษ หรือเรียนเพิ่มเอา และการเป็นอยู่ที่ส่วนมากก็จะต้องทำมาหากิน ที่จะต้องช่วยครอบครัว ซึ่งก็มีไม่น้อยที่การศึกษานั้น จะเรียนน้อย แม้จะมีกฏหมายบังคับก็ตามที เพราะถึงจะไม่มีค่าเทอม ค่าอาหาร ค่าอุปกรณ์ แต่ก็ยังมีค่าเดินทาง ค่าอาหารที่เวลาอยู่บ้านและบางโรงเรียนก็ยังเรียกเก็บค่าบำรุงโรงเรียน และคนที่มีเงินก็มักจะส่งลูกหลานเข้าไปเรียนโรงเรียนเอกชน มากกว่าก็เป็นการยอมที่จะเสียค่าใช้จ่ายมากกว่านั่นเอง โดยจะยอมทั้ง การกวดวิชา การเดินทาง และการเรียนพิเศษ เพราะสังเกตุดูจริงแล้ว การศึกษา ใรเมืองใหญ่นั้น ก็จะได้เปรียบเป็นอย่างมาก ยิ่งเมืองใหญ่ก็ยิ่งหาอะไรได้ง่ายไม่ว่าจะอุปกาณ์เสริมการเรียน โรงเรียนกวดวิชา ห้องสมุด แม้ทุกวันนี้จะมีอินเตอร์เน็ตแล้วก็ตามที แล้วยิ่งอยู่ห่างไกลก็ยิ่งจะลำบาก เพราะไใ่ว่าจะการเดินทาง และการประกอบอาชีพที่จะช่วยครอบครัว การศึกษาจึงไม่สามารถที่จะเรียนได้อย่างเต็มที่ อย่างมาก็จะเป็นการอ่านออกเขียนได้ เท่านั้นเอง ดังนั้น การจะบังคับหรือนโยบายนั้น ก็จะต้องลงไปศึกษาให้ถึงจุดที่เป็นจริง แล้วครูที่จะไปประจำการนั้น ก็เป็นครูที่จะต้องเสียสละจริงๆ เพราะเขตพื้นที่ห่างไกล ก็คงไม่อยากมีใครป็นไม่วาจะ 3 จังหวัดภาคใต้ ที่ครูนั้น นับวันก็ยิ่งจะขาดแคลนเพราะมีเหตุ ยิงครู แทบทุกวัน ทั้งที่รัฐก็เสนอผลประโยชน์มากมายก็ตามที ส่วนประเทศเวียดนามนั้น คะแนนในการสอบเข้าระดับมหาลัยนั้น ก็ให้คะแนนครูเป็นคะแนนสูงสุด เพราะเขาคิดว่า คนที่เก่งเท่านั้นถึงจะสอนคนให้เก่งได้ ประเทศไทยแม้ว่าจะมีการพัฒนาไปมากแต่การศึกษานั้น ยังด้อยกว่าประเทศข้างเคีงของเรามาก และยังถือว่าเด็กนั้นยังอ่านหนังสือน้อยอีกด้วย โดยเฉลี่ยอ่านเพียงปีละ 8 บรรทัดเท่านั้น ซึ่งก็ถือว่าน้อยมากๆ คิดเห็นโดย อาหารเสริมลดน้ำหนัก เป็นการเสนอเพื่อที่จะพัฒนาบนพื้นฐานของความจริง เพราทุกวันนี้ นักเรียนตีกัน ทำร้ายกัน บาดเจ็บ ล้มตาย มีให้เห็นแทบทุกวัน เพราะเพียงต่างสภาบันฯ ไม่มีการทะเลาะ ไม่มีการบาดหมาง ไม่ได้โกรธแค้น แล้วก็มารบราฆ่าฟันกัน ลองถามดูว่าเพราะอะไร น่าแปลกแต่จริง