วันอังคารที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ข่มขืนต้องประหาร

           เป็นข่าวกับความรุนแรง ที่เมื่อหลายวันก่อนข่าวสะเทือนใจ เป็นอย่างมากกับข่าวการข่มขืน ฆ่าครูสาวที่อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ซึ่งก็เป็นเพียงอารมณ์ของคนที่เรียกได้ว่า เดรัจฉานเลยก็ว่าได้ โดยเหตุเกิดเมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ.2559 เกิดเหตุสลด ที่บ้านเช่า ที่เกิดเหตุ พบหญิงนอนตายโดยมีร่องรอยการถูกเชือดคอ ชุดนอนถูกถกขึ้นมาที่หน้าอก ข้างศพพบมีดยาวประมาณ 5 ถึง 6 นิ้ว ซึ่งผู้ที่พักห้องตรงข้ามให้การว่า เมื่อเช้ามแฟนผู้ตายโทรหาตนโดยบอกว่าติดต่อผู้ตายไม่ได้ จึงให้ตนเองไปเรียกให้ผู้ตายเหหื่อที่จะมารับสาย แต่ว่าเมื่อไปเคาะที่ประตูก็ไม่มีคนตอบ จึงเปิดลูกบิดดูก็็พบผู้ตายนอนจมกองเลือดแล้ว โดยผู้ตายเป็นครูสาว อัตราจ้าง สอนระดับประถม ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งที่จังหวัดสระบุรี อาศัยอยู่ภายในห้องเช่าคนเดียว ซึ่งมีแฟนเป็นนักเรียนนายร้อยสามพราน จ.นครปฐม นานครั้งจะมาหาที
ซึ่งเพื่อนของครูสาวได้ให้การว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงกรีดร้อง ขอความช่วบเหลือแต่ไม่รู้ว่าอยู่ห้องไหน คิดเพียงว่าสามี ภรรยา ทะเลาะกัน ร้องอยู่ประมาณ 10 นาที แล้วก็เงียบหายไป ก็ไม่ได้สนใจ ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุกับ ครูอิ๋ว น.ส.จุฬารัจน์ โทวรรณา เพื่อนของตน ซึ่งหลังจากเกิดเหตุตำรวจก็ได้จำกุมคนงานชาวต่างชาติ ที่มีห้องพักอยู่ด้านหลัง 3 คน มาสอบสวนเบือ้งต้นให้การปฏิเสธ แล้วต่อมาจากการสืบสวนสอบสวน ทางเจ้าที่ตำรวจก็สามารถจับตัว นายชาตรี ร่วมสูงเนิน อายุ 27 ปี ซึ่งเช่าห้องอยู่ตรงข้ามกับผู้ตาย ซึ่งก็รู้จักผู้ตายมาได้ 5 เดือน ซึ่งก็แอบชอบ ครูสาวเพราะผู้ตายมีหน้าตาดี ประวัติของนายชาตรี นั้น ถูกจับคดีข่มขืนเมียเพื่อน เมื่อ ปี พ.ศ.2556 ศาลตัดสินจำคุก 1 ปี 8 เดือน เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อสิงหาคม โดยก่อนเกิดเหตุ ตนซึ่งมีแฟนอยู่แล้วเป็นสาวประเภทสอง ( ผู้หญิงข้ามเพศ ) ซึ่งตอนนั้นได้ดื่มเบียร์ เข้าไป 1 ขวด ทำให้เกิดอารมณ์แต่แฟนของตนไม่ยอม จึงได้เดินเข้าไปยังห้องผู้ตาเพื่อมายข่มขีน แต่ผู้ตายไม่ยอม จึงใช้มีดปาดคอจนตาย ซึ่งเมื่อวันก่อนทางตำรวจได้นำตัวไปทำแผนประกอบการรับสารภาพแต่ว่า เนื่องจากมีผู้คนประชาชนประมาณ 1พันกว่าคน มาเฝ้าอยู่ด้วย ทำให้เกรงว่านายชาตรี จะถูกรุมประชาทัณฑ์ ก็เลยยกเลิกไป แต่ได้ย้อนกลับมาทำในตอนดึก ประมาณ ตี 2 ถึง ตี 3 ซึึ่งก็ผ่านไปด้วยดี ซึ่งทางญาติของผู้ตาก็ยังรับไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังเศร้าโศกเสียใจอยู่มาก ส่วนบ้านเช่าหลังดังกล่าวก็บอกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ผู้เช่าต่างก็ย้ายออกกันหมด ทำให้ไม่มีคนอยากอยู่ด้วย และตนก็เลยคิดที่จะรื้อห้องเช่าออกทั้งหมด
          และอีกข่าวก็เป็นเรื่องของการข่มขืนที่ห้องน้ำสาธารณะ ที่บางนา เขตพระโขนง   ซึ่งก็เป็นการข่มขีนและปล้นทรัพย์ โดยที่ห้องน้ำนั้นก็เป็นห้องน้ำที่นเข้าไปใช้บริการ โดยเหยื่อสาวเป็นนักศีกษา มากับแฟนฟนุ่มและได้เข้าห้องน้ำ เพื่อทำธุระส่วนตัว ซึ่งเมื่อเข้าไปก็ได้มีชาย ผอมสูง ประมาณ 165 เซนติเมตร เข้ามาใช้มีดบังคับและได้ทำการข่มขืนและได้ปลดทรัพย์สินมีค่าไปด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ก็พบว่าชายคนหนึ่งมีท่าทางพิรุธ และได้เข้ามาในช่วงเวลาดังกล่าว ภายหลังจากการรสืบสวนสอบสวนก็พบว่า ชายดังกล่าวชื่อ นายเอกพล แซ่เตียว อายุ 31 ปี อยู่ที่ 43 ม.4 ต.บ้านเป้า อ. พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งก็มีประวัติโชกโซน   ทั้งมียาเสพติด และแอบถ้ำมองสาวที่ปั๊มน้ำมัน เมื่อปี พ.ศ. 56 ซึ่งตอนนั้น ก็มีคนจับได้และได้ถ่ายคลิปเอาไว้ โดยที่นายเอกพล นั่งพนมมือขอโทษ เพราะมีหลายคนช่วยกันอยู่นั่นเอง ซึ่งตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ตั้งรางวัลนำจับให้ด้วย 5 พันบาท แก่ผู้ที่แจ้งเบาะแส ซึ่งตอนนี้คดี แบบนี้ ถึงไม่มีรางวัลนำจับ ก็น่าจะมีพลเมืองดี ให้การช่วยเหลืออย่างแน่นอน ซึ่งก็คาดว่าอีกไม่นาน ก็คงจะจับตัวได้อย่างแน่นอน
           ซึ่งจากเหตุการข่มขืนที่เกิดขึ้น อย่างโหดเหี้ยม และง่ายดายของทั้งสองคดี จะเห็นว่า ผู้ร้ายทั้งสองคน ต่างก็เคยมีประวัติ ติดคุกมาแล้วทั้งสิ้น ซึ่งก็ติดคุก ก็ออกมากระทำอีกไม่มีความเกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ทำให้สังคมต่างก็ออหมาเรียกร้อง ให้มีการประหารชีวิต ในคดีข่มขืน ฆ่า หรือไม่ก็ฉีดยาอวัยวะเพศ ให้ฝ่อไปเลย จะได้ไม่ไปทำกับคนอื่นอีก ทั้งนี้การที่เรียกร้องให้มีการประหารชีวิตนั้น หลายใายก็ออกมาบอกว่า กฏหมายก็มีอยู่แล้ว แต่จะให้เพิ่มโทษนั้นก็ต้องเป็นไปตามคำให้การ แต่การลงโทษประหาร ประเทศไทยก็ได้มีการทำข้อตกลง กับนานาประเทศ ว่าไม่ให้มีมาหลายปีแล้ว แล้วส่วนที่ยังมีหลายคดี ที่ศาลตัดสินไปแล้ว แต่ก็ยังมีการสอบสวนใหม่ และผู้เสียหายกลับคำให้การ อย่างข่าวตำรวจ 2 นายที่ข่มขืนเด็ก ก็มีการนำมาพิจารณาตัดสินใหม่ซึ่งก็ยังเป็นปัญหาอยู่ที่ การสรุปและทำสำนวน ที่ยังไม่ถูกต้อง 100 % พอก็เป็นได้ และอีกอย่างก็คือ นักวิชาการชอบอ้างก็คือเมืองไทยเป็นเมืองพุทธ รู้จักการให้อภัย ซึ่งหลายครั้งผู้ที่ก่อเหตุ ก็มักจะทำการที่รุนแรง ไม่ว่าจะเกิดเมื่อใต้เมื่อปีก่อนที่มีการจับเด็กที่ท้องและฆ่าสามีผู้ตาย และมีการรุมข่มขืนคนท้อง ซึ่งก็เป็นเยาวชนทั้งนั้น แต่มีการวางแผนกันเป็นอย่างดี
และก็โหดเหี้ยม ซึ่งก็ไม่สามารถที่จะตัดสินอะไรได้เต็มที่เพราะกฏหมายเยาวชน นี่ก็เลยเป็นเหตุของโจรผู้ร้าย และผู้ที่จะกระทำ และกระทำความผิดไม่เกรงกลัวต่อกฏหมายบ้านเมือง ซึ่งเมื่อย้อนไปดู ต่างก็มีข้อเสนอที่แตกต่างกันออกไป โดยส่วนมากก็จะคิดว่าเป็นเรื่องมนุษยธรรม แล้วก็กลัวว่าเมื่อทำไปแล้ว ตนเองก็จะโดนโจมตี แล้วก็ทำให้คะแนนนิยมลดลงด้วย ก็เลยได้เแต่เรียกร้อง ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เพราะมัวแต่อ้างนั่นเอง ตอนนี้ถ้าเราไม่ต้องอ้างแล้วเรานำมาปฏิบัติเลย เหมือนกับไม่ว่าประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ จะเห็นได้ว่า ถ้าจับได้ ก็จะมีการจับมาแก้ผ้ากลงตลาดแล้วก็ฟาดจนก้นสั่น แล้วก็นำไปประหารอีกที คือทรมานก่อนปแล้วค่อยตาย แล้วก็ทำให้เห็นกลางตลาดกันไปเลย จะได้เห็นกันไปเลยว่าทำจริงไม่มีข้ออ้าง ทำไมเขาทำได้  ประเทศเหล่านั้นไม่มีคดีข่มขืนเลย เกิดขึ้นน้อยมาก แทบจะเป็น 0 เลยก็ว่าได้ เพราะบ้านเรามัวแต่อ้างนั่นอ้างนี่ ก็เลยเป็นไปอย่างนี้ อีกอย่างการที่ผู้คนต่างก็อาศัยอารมณ์ที่ทำผิดมากกว่าการเกรงกลัว เราก็เลยต้องระวังตัวกันเองก็ยังโดนก็มีมากมาย ซึ่งก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เราก็จะเป็นอยู่อย่างนี้ต่อไป ตราบที่ยังไม่มีใครกล้าเปลี่ยนแปลง เพราะมัวแต่อ้างกันนั่นเอง สุดท้าย อาหารเสริมลดน้ำหนัก ก็ขอแสดงความเสียใจ กับครอบครัวของครูอิ๋ว และเหยื่อข่มขีนด้วยนะคะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น