วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ระวังโรคที่จะมากับการลดน้ำหนัก กับชีวิตจริงที่ทำให้ อ้วน

          ความอ้วนกับการลดน้ำหนัก เมื่อทุกวันนี้การพัฒนาการของโลก ได้สร้างอะไรๆมากมายให้เกิดขึ้น เพื่อที่จะอำนวยความสะดวกให้มนุษยอย่างสูงสุด ทำให้การใช้เวลาในโลกปัจจุบัน มีค่ามากที่สุด และในทางตรงกันข้ามทำให้มนุษย์ ใช้พลังงานน้อยที่สุด แต่ก็ย้อนกลับไปในอดีต คนโบราณก็อาจะไม่มีอายุยืน แม้จะมีร่างกายที่แข็งแรงไม่อ้วน แต่ก็มีภาวะที่ยังไม่มีวิธีต่อสู้กับโรคภัยต่างๆ ทั้งโรคระบาดและโรคที่ไม่ร้ายแรงแต่ก็ไม่สามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ และทุกวันนี้ก็เป็นการที่โลกส่วนมากจะใช้เวลาอยู่กับการเลี้ยงชีพ ทำให้เรื่องของการกินเป็นเรื่องที่ต้องเร่งรีบ สาเหตุที่ทำให้คนเรามีน้ำนหักเพิ่มก็คือ ๑.อย่าโทษกรรมพันธุ์ เพราะว่าแม้ว่า พ่อ แม่ อ้วน แต่เราก็ไม่อ้วนตามได้เพราะ เราสามารถที่จะกำหนดตัวเราเองได้  ๒.ชอบทานอาหารที่มีน้ำตาล และรสจัดรวมไปถึงขนมขบเคี้ยว ซึ่งอาหารที่ทานเข้าไป ส่วนใหญ่ก็จะมีแป้งและน้ำตาลที่ ย่อยยากและสะสมเป็นไขมันในร่างกาย เก็บตามกล้ามเนื้อ โดยส่วนมากก็จะเป็นการทานเล่นอาจจะในระหว่างทำงาน และในระหว่างดูหนัง ในโรงภาพยนต์หรือแม้แต่ดูทีวี ๓.ชอบทานอาหารพวกข้าว แป้งขนมปัง และอาหารทอด มากเกินไป คือการทานเกินอิ่ม เกินความต้องการของร่างกาย  แล้วก็จะสะสมในร่างกายอีกนั่นเอง ๔.ไม่ชอบการออกกำลังกาย ไม่ชอบการเดิน ไม่ชอบการวิ่ง คือการไม่ชอบใช้พลังงานนั่นเอง ๕.การที่กำลังจะมีน้อง เป็นการที่น้ำหนักเราต้องเพิ่มขึ้น เพราะต้องให้ลูกในท้อง แข็งแรงสมบูรณ์ เราก็ต้องทานโดยผ่านแม่ ให้ลูกที่อยู่ในครรภ์ได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่
๖.การชอบถ่ายรูป เพื่อยั่วน้ำลาย ทั้งโพสต์ก่อนที่จะทาน เพราะจะเป็นการกระตุ้น ให้เราต้องหาร้านอาหารรวมไปถึงอาหารที่จะมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ก็เลยทำให้ต้องกินแล้วก็กิน แล้วก็ติชม ๗.ความเสียดาย ข้อนี้เกิดกับเเม่บ้านมาก และโดยที่ความเสียดาย เพราะอาหารที่เหลือ ไม่วาจะทำอาหารทานเอง หรือว่าไปทานตามร้านอาหาร สั่งมาก ทำมาก ครั้นเหลือก็เสียดาย ก็เลยทำให้ต้องกิน เสียดายอย่างละนิดอย่างละหน่อย เศตลาฐะ ก็เลยทำให้เป็นการทานเกินขนาด แนะนำให้คำนวณการทานว่า ครอบครัวเราทาน มื้อละมากน้อยเท่าไหร่ แล้วก็ทำให้พอดี หรือน้อยลงสักเล็กน้อย คือให้ทานพอดี ไม่มากเกินไปนั่นเอง ๘.การทานตามใจปาก คือไม่หิว แต่อยาก ก็เลยชอบที่จะกินจุกจิก นี่นิดนั่นหน่อย เลยกลายเป็นการสะสม คือการที่ต้องเคี้ยว หรือทานอะไรก็ได้นิดๆหน่อยๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็เป็นสาเหตุของความอ้วน
           เมื่อเราอ้วนแล้ว เราก็สามารถรู้สึกตัวได้ ไม่ว่าจะอ้วน หรือพอดีอยู่แล้ว และบางครั้งก็อยากที่จะผอมลงไปมากกว่านี้อีก คือหลายคนก็อยากที่จะผอมแบบดารา แต่ก็ถือว่าจะไม่ค่อยสมบูรณ์มากนักโดยส่วนมาก ก็เลยหามากมายวิธีเพื่อที่จะลดความอ้วน ไม่ว่าจะด้วยการผ่าตัด การทาน าหารเสริมลดน้ำหนัก การลดอาหาร รวมไปถึงการออกกำลังกายด้วย การทานยา และโรคที่จะพบมากเมื่อเรานั้นกำลังลดน้ำหนัก ก็คือ ๑ การปวดข้อและตามเข่า เพราะว่าการลดน้ำหนักที่ทำแบบเร็วเกินไปทำให้น้ำในเข่าและข้อลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้เรานั้นปวดเข่า ทางที่ดีก็อย่าหักโหมกับการลดน้ำหนัก และขณะลดก็ให้ทานน้ำมากๆ ๒. โรคกระเพาะอาหาร เพราะมักจะเกิดเพราะเกิดจาการที่ต้องการลดน้ำหนักและอดอาหาร การไม่ทานอาหารเข้าไป หรือแม้แต่การทานไม่ตรงเวลาและการปล่อยให้หิว มากเกินไป ส่วนมากเกิดจาการอดอาหารเพื่อลดน้ำหนักมากกว่า ๓.หงุดหงิด โมโห เพราะร่างกายนั้นไม่ได้กินเหมือนกับที่ผ่านมา คือตอนที่ยังไม่ลดน้ำหนัก ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าขาดอะไรไป และด้วยที่ต้องอดอาหารด้วย ก็เลยทำให้เกิดอาการ อย่างที่เรียกว่า โมโหหิว เราก็จะต้องแก้ไขด้วยการมีสติ และควบคุมอารมณ์ตัวเองให้ได้ ๔. ผิวหนังหดตัวไม่ทัน ก็จะเกิดเป็นรอยย่น หรือผิวหนังเกิน เหี่ยว ซึ่งก็จะเกิดจากสาเหตจากการที่ออกกำลังกายหนัก อย่างหักโหม เพื่อเร่งในการลดน้ำหนักมากเกินไป ซึ่งแก้ไขได้ก็คงพึ่งการทำศัลยกรรม ๕.อาการหัวใจสั่น ซึ่งก็เกิดจากการทานยาลดน้ำหนัก ทำให้ทานข้าวไม่ลง นันก็คือการไม่ทานอาหารเลย ทำให้ร่างกายไม่มีกำลัง ซึ่งบางครั้งก็อาจจะช็อคได้ ดังนั้นเราจึงควรฝืนทาน อาหารเข้าไปบ้าง
           ดังนัั้น เราก็ต้องสังเกตด้วยว่าการที่น้ำหนักเรา เพิ่มหรือว่าอ้วนนั้น ก็ต้องใช้เวลาอาจจะช้าเร็วก็อยู่ที่หลายปัจจัย แต่ก็จะค่อยๆ สะสมไขมันในร่างกายเรา โดยการที่เราส่วนมากก็จะไม่รู้ตัว แต่เมื่อรู้ผิวเราก็ขยายออก จนเห็นได้ชัด และเมื่อเราคิดจะลดน้ำหนัก ก็ต้องค่อยๆ ทำค่อยๆลด เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว และเกิดอาการบาดเจ็บและเป็นโรคให้น้อยที่สุด ไม่ควรที่จะหักโหม  เศตลาฐะ หรือรีบทานยามากเกินขนาด อย่าไปคิดเกินกว่าที่เขาแนะนำ อย่างให้ทาน วันละ 3 เม็ดหลังอาหาร 3 มื้อ ก็อย่าไปคิดว่า ถ้าทานครั้งละ 2 เม็ดหลังอาหาร ก็น่าจะลดน้ำหนักได้ดีกว่า และลดได้เร็วกว่า นี่ไม่ต้องไปทำ เพราะเขาได้วิเคราะห์มาให้หมดแล้ว และถ้าจะลดไม่ต้องงดอาหาร แต่เพียงลดอาหาร คือการทานให้น้อยลง และการออกกำลังกายให้มาก ซึ่งช่วงแรกก็อาจจะไม่ชิน ถ้าผ่านไปสัก 3 ถึง 4 วัน ร่างกายก็คุ้นชินไปช่วงแรกก็อาจจะมีอาการนอนไม่หลับบ้าง หงุดหงิด บ้าง เราก็จะต้องพยายามปรับตัวให้ได้ คิดไว้ก่อนว่าเพื่อสุขภาพเราเอง นี่ตคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตประจำวัน ถ้าใครนำไปปฏิบัติได้ รับรองเห็นผลอย่างแน่นอนคะ